แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยอ้างต่อนาย พ.ว่า นายร้อยตำรวจผู้เป็นพนักงานสอบสวนใช้ให้ไปเรียกเงินจากนาย ป.เพื่อล้มคดีโดยพนักงานสอบสวนผู้นั้นจะปล่อยญาติของนาย ป. กับพวกซึ่งต้องหาคดีฐานฆ่าคนตาย ต่อมานาย ป. ได้นำเงินมามอบให้จำเลยและจำเลยยังได้กล่าวยืนยันต่อนาย ป.ว่า พนักงานสอบสวนต้องการเงินเพื่อจะได้ปล่อยญาติของนาย ป.กับพวก ดังนี้ การกระทำของจำเลยย่อมครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจะมีผู้ใดใช้ให้จำเลยไปเรียกเงินหรือไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเรียกทรัพย์สินสำหรับผู้อื่น โดยพูดกับนายพุฒว่า เรื่องของนายชาญกับพวกที่ถูกขังต้องหาฆ่าคนตายนั้น ผู้บังคับกองเป็นพนักงานสอบสวนใช้ให้มาบอกนายมั่นพี่ชายนายชาญว่า ถ้าจะปล่อยนายชาญกับพวกออก ต้องเอาเงินไปให้ ๔,๐๐๐ บาทเพื่อล้มคดี ผู้กองให้มาเอาเงินก่อน ๒,๐๐๐ บาท เพราะจะไปกรุงเทพฯ กลับมาค่อยเอาอีก ๒,๐๐๐ บาทนั้น วันพุธหน้าจะปล่อยทันที ขอให้นายพุฒไปบอกนายปั่นด้วย ถ้าตกลงให้เอาเงินไปให้พรุ่งนี้ ทั้งนี้ เป็นการเรึยกเงินจากนายปั่นต่อนายพุฒสำหรับนายร้อยตำรวจเอกศุลี เป็นการตอบแทนในการที่จำเลยที่ ๑ จะจูงใจหรือได้จูงใจนายร้อยตำรวจเอกศุลีพนักงานสอบสวนด้วยวิธีอันทุจริตผิดกฎหมาย และโดยอิทธิพลของจำเลยให้กระทำการตามหน้าที่อันเป็นคุณ เพื่อล้มคดีช่วยเหลือปล่อยตัวนายชาญกับพวกพ้นข้อหาไป
ต่อมาวันรุ่งขึ้น นายปั่นได้นำเงิน ๒,๐๐๐ บาท ไปมอบให้จำเลยที่ ๑ และจำเลยทั้งสองได้สมคบกันเรียกและรับเงินจากนายปั่น โดยจำเลยที่ ๑ พูดว่า นายร้อยตำรวจเอกศุลีต้องการเงิน ๔,๐๐๐ บาท ต้องการ ๒,๐๐๐ บาทก่อน กลับจากกรุงเทพฯ วันพุธจะปล่อยตัวนายชาญกับพวกและจำเลยที่ ๒ ได้พูดว่า ผู้บังคับกองได้สั่งไว้เช่นนั้นจริง ท่านต้องการเงิน ๒,๐๐๐ บาทก่อน กลับจากกรุงเทพค่อยเอาอีก ๒,๐๐๐ บาทแล้วจะปล่อยตัวนายชาญกับพวก นายปั่นหลงเชื่อจึงมอบเงิน ๒,๐๐๐ บาทให้จำเลยทั้งสองไป ทั้งนี้ นายร้อยตำรวจเอกศุลีไม่เคยใช้ให้จำเลยไปติดต่อเรียกเงินดังกล่าว การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงตนเป็นผู้สนิทชิดชอบกับนายร้อยตำรวจเอกศุลี ทำการเรียกและรับเงินจากนายปั่นสำหรับตนเองเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือได้จูงใจให้นายร้อยตำรวจเอกศุลีซึ่งเป็นเจ้าพนักงานโดยวิธีทุจริตผิดกฎหมายและโดยอิทธิพลของจำเลยให้กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณเพื่อล้มคดีช่วยเหลือปล่อยตัวนายชาญกับพวกพ้นข้อหาไป
ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๓, ๘๓ ,๙๑
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองได้อ้างว่านายร้อยตำรวจเอกศุลีใช้ให้เรียกเงินจากนายปั่นโดยอ้างว่าสนิทชิดชอบกับนายร้อยตำรวจเอกศุลีพนักงานสอบสวนเพื่อให้นายร้อยตำรวจเอกศุลีปล่อยตัวนายชาญกับพวกซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย และเห็นว่าจำเลยได้รับทรัพย์สินสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจนายร้อยตำรวจเอกศุลีเจ้าพนักงานโดยวิธีอันทุจริตอันผิดกฎหมาย หรือโดยอิทธิพลของตนให้นายร้อยตำรวจเอกศุลีกระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณแก่นายชาญกับพวกผู้ต้องหาการกระทำของจำเลยถึงครบองค์ความผิดดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๓ แล้ว ทั้งนี้ไม่ต้องคำนึงว่าจะมีผู้ใดใช้ให้จำเลยไปเรียกเงินหรือไม่ ฯลฯ พิพากษายืน