คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4567/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน น.ส. 3 เมื่อผู้ซื้อชำระราคาให้แก่ผู้ขายครบถ้วน แม้ผู้ขายจะได้มอบ น.ส. 3 กับให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่เมื่อผู้ซื้อชำระราคางวดสุดท้ายแก่ผู้ขาย ผู้ขายแจ้งว่าจะไปโอนที่พิพาทให้ใน 1 เดือน แสดงว่าผู้ซื้อและผู้ขายมีเจตนาที่จะโอนสิทธิครอบครองในที่พิพาทโดยทำนิติกรรมและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไปฟังไม่ได้ว่าผู้ขายมีเจตนาสละการครอบครองที่พิพาทให้แก่ผู้ซื้อแล้ว ดังนี้การที่ผู้ซื้อยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ตลอดมานั้น เป็นการยึดถือครอบครองโดยอาศัยสิทธิของผู้ขายตามหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย จึงเป็นการยึดถือครอบครองแทนผู้ขายนั้นเอง การที่ผู้ซื้อครอบครองที่พิพาทแทนผู้ขายตามสัญญาจะซื้อจะขายเมื่อผู้ขายถึงแก่ความตาย ผู้ซื้อติดต่อทายาทให้ไปจัดการโอนที่พิพาท ทายาทปฏิเสธ ผู้ซื้อก็หาได้ใช้สิทธิฟ้องร้องบังคับทายาทให้โอนสิทธิครอบครองในที่พิพาทให้แก่ผู้ซื้อแต่อย่างใดสิทธิครอบครองในที่พิพาทจึงยังเป็นของทายาทผู้ขายผู้ซื้อเพียงแต่ครอบครองไว้แทนจนกว่าจะได้จดทะเบียนโอนกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อนจึงจะได้สิทธิครอบครองในที่พิพาทเป็นของตน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. 2513 นายพวง สังข์น้อย สามีจำเลยทำหนังสือขายที่ดิน 1 แปลงแก่โจทก์เมื่อโจทก์ชำระเงินครบแล้วนายพวงได้มอบ น.ส.3 ของที่ดินนี้ให้โจทก์ โดยตกลงกันว่าจะไปจดทะเบียนโอนกันในวันหลัง แต่นายพวงถูกรถชนตายเสียก่อน โจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาทโดยสงบ เปิดเผย เป็นเจ้าของเรื่อยมา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2524 จำเลยยื่นคำร้องต่อนายอำเภอชุมพลบุรีขอโอนที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์คัดค้าน ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้ขับไล่จำเลยและบริวาร

จำเลยให้การว่านายพวงไม่ได้ขายที่พิพาทแก่โจทก์ นายพวงยกที่พิพาทให้จำเลย จำเลยยึดถือครอบครองเป็นเจ้าของมาจนบัดนี้เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมี น.ส.3 ของนายพวง นายพวงตกลงขายที่พิพาทให้โจทก์ตามหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.2 หลังจากนายพวงได้รับเงินค่าขายที่พิพาทจากโจทก์ครบถ้วนแล้ว และนายพวงได้มอบหนังสือ น.ส.3 ของที่พิพาทให้โจทก์ยึดถือไว้กับให้โจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทแล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ชำระราคาที่พิพาทงวดสุดท้ายให้แก่นายพวงแล้วนายพวงบอกว่าจะไปโอนที่พิพาทให้โจทก์ใน 1 เดือน แสดงว่าโจทก์และนายพวงมีเจตนาที่จะโอนสิทธิครอบครองในที่พิพาทโดยทำนิติกรรมและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ถูกต้องตามกฎหมายกันต่อไป ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่านายพวงมีเจตนาสละการครอบครองในที่พิพาทให้แก่โจทก์แต่อย่างใด การที่โจทก์ยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่พิพาทตลอดมานั้น เป็นการยึดถือครอบครองโดยอาศัยสิทธิของนายพวงตามหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย จึงเป็นการยึดถือครอบครองแทนนายพวงนั่นเอง ต่อมาเมื่อนายพวงประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตายสิทธิครอบครองในที่พิพาทจึงเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทของนายพวง

เมื่อนายพวงถึงแก่ความตายแล้ว โจทก์ได้ติดต่อขอให้จำเลยในฐานะทายาทของนายพวงไปจัดการโอนที่พิพาทให้โจทก์ แต่จำเลยไม่ยินยอมแสดงว่าโจทก์ได้อาศัยสิทธิเรียกร้องที่มีอยู่ตามหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายเรียกร้องให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองในที่พิพาทให้แก่โจทก์แล้ว เมื่อจำเลยไม่ยอมไปจดทะเบียนโอนให้ โจทก์ก็หาได้ใช้สิทธิดังกล่าวฟ้องบังคับจำเลยในฐานะทายาทของนายพวงโอนสิทธิครอบครองในที่พิพาทให้แก่โจทก์แต่อย่างใดไม่ สิทธิครอบครองในที่พิพาทจึงยังเป็นของทายาทของนายพวง โจทก์เพียงแต่ครอบครองไว้แทนจนกว่าจะได้จดทะเบียนโอนกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อนจึงจะได้สิทธิครอบครองในที่พิพาทเป็นของตน

พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share