แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ มิได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวมาแต่ต้น แต่กลับตั้งตัวแทนมาเจรจาชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ดุจะเป็นการกระทำของลูกจ้างของตน แสดงว่าจำเลยที่ 1 ยอมรับว่าผู้ขับขี่รถยนต์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งขับชนรถยนต์ของโจทก์นั้นเป็นลูกจ้างและปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ในขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดตามที่ได้แสดงออกมานั้นได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายเสงี่ยม เหล็กเข้ม เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1และได้ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยความประมาทชนรถพยาบาลของโจทก์เสียหาย จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินค่าเสียหาย 200,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า นายเสงี่ยมไม่ใช่ลูกจ้างปฏิบัติงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 มิใช่ผู้ครอบครองรถบรรทุกคันเกิดเหตุ เหตุรถยนต์ชนกันไม่ได้เกิดจากความประมาทของนายเสงี่ยมค่าซ่อมรถไม่เกิน 90,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระเงินแก่โจทก์ 140,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เฉพาะประเด็นที่พิพาทว่านายเสงี่ยมเหล็กเข้ม ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุเป็นลูกจ้างและกระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 หรือไม่ เห็นว่า พยานโจทก์ฟังได้ตรงกันว่า จำเลยที่ 1 เจ้าของรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุได้ตั้งให้ตัวแทนมาเจรจาเพื่อตกลงชดใช้ค่าเสียหาย แสดงว่าจำเลยที่ 1ยอมรับว่านายเสงี่ยม ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุเป็นลูกจ้างและปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างขณะเกิดเหตุ มิฉะนั้นคงจะไม่ยอมรับผิดชอบเจรจาชดใช้ค่าเสียหายจนกระทั่งตกลงกับผู้เสียหายอื่นไปแล้วส่วนหนึ่ง และแม้จำเลยที่ 1 จะอ้างว่านายเสงี่ยมเป็นลูกจ้างของบริษัทนำโชคก่อสร้างจำกัด มิใช่ลูกจ้างจำเลยที่ 1 ก็ตามการที่จำเลยที่ 1 มิได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่รถยนต์คันเกิดเหตุดังกล่าวมาแต่ต้น แต่กลับตั้งตัวแทนไปเจรจายอมตกลงชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากผลการกระทำละเมิดของผู้ขับขี่นั้น ดุจเป็นการกระทำของลูกจ้างของตนเอง จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดตามที่ได้แสดงต่อผู้เสียหายอื่นและโจทก์แล้วนั้นได้ส่วนค่าเสียหายนั้น ปรากฏว่ารถพยาบาลของโจทก์มีสภาพยับเยินตลอดทั้งตัวรถและไม่อาจซ่อมแซมให้มีสภาพปกติเหมือนเดิม ที่โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายที่ต้องซื้อรถใหม่เป็นเงิน 200,000 บาทนั้นเหมาะสมแล้ว
พิพากษาแก้เป็นให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 200,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ.