คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4564/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ มิได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวมาแต่ต้น แต่กลับตั้งตัวแทนมาเจรจาชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ดุจจะเป็นการกระทำของลูกจ้างของตน แสดงว่าจำเลยที่ 1 ยอมรับว่าผู้ขับขี่รถยนต์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งขับชนรถยนต์ของโจทก์นั้นเป็นลูกจ้างและปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ในขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดตามที่ได้แสดงออกมานั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายเสงี่ยม เหล็กเข้ม เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ และได้ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ ด้วยความประมาทชนรถพยาบาลของโจทก์เสียหาย จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดของจำเลยที่ ๑ ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินค่าเสียหาย ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า นายเสงี่ยมไม่ใช่ลูกจ้างปฏิบัติงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ มิใช่ผู้ครอบครองรถบรรทุกคันเกิดเหตุ เหตุรถยนต์ชนกันไม่ได้เกิดจากความประมาทของนายเสงี่ยมค่าซ่อมรถไม่เกิน ๙๐,๐๐๐ บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระเงินแก่โจทก์ ๑๔๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
โจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เฉพาะประเด็นที่พิพาทว่านายเสงี่ยม เหล็กเข้ม ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุเป็นลูกจ้างและกระทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ หรือไม่ เห็นว่า พยานโจทก์ฟังได้ตรงกันว่า จำเลยที่ ๑ เจ้าของรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุได้ตั้งให้ตัวแทนมาเจรจาเพื่อตกลงชดใช้ค่าเสียหาย แสดงว่าจำเลยที่ ๑ ยอมรับว่านายเสงี่ยม ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุเป็นลูกจ้างและปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างขณะเกิดเหตุ มิฉะนั้นคงจะไม่ยอมรับผิดชอบเจรจาชดใช้ค่าเสียหายจนกระทั่งตกลงกับผู้เสียหายอื่นไปแล้วส่วนหนึ่ง และแม้จำเลยที่ ๑ จะอ้างว่านายเสงี่ยมเป็นลูกจ้างของบริษัทนำโชคก่อสร้างจำกัด มิใช่ลูกจ้างจำเลยที่ ๑ ก็ตามการที่จำเลยที่ ๑ มิได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่รถยนต์คันเกิดเหตุดังกล่าวมาแต่ต้น แต่กลับตั้งตัวแทนไปเจรจายอมตกลงชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากผลการกระทำละเมิดของผู้ขับขี่นั้น ดุจเป็นการกระทำของลูกจ้างของตนเอง จำเลยที่ ๑ จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดตามที่ได้แสดงต่อผู้เสียหายอื่นและโจทก์แล้วนั้นได้ส่วนค่าเสียหายนั้น ปรากฏว่ารถพยาบาลของโจทก์มีสภาพยับเยินตลอดทั้งตัวรถและไม่อาจซ่อมแซมให้มีสภาพปกติเหมือนเดิม ที่โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายที่ต้องซื้อรถใหม่เป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทนั้นเหมาะสมแล้ว
พิพากษาแก้เป็นให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

Share