คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เจ้าหนี้มีรายได้น้อยกว่าจำนวนเงินที่เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้กู้ยืมไป เจ้าหนี้อ้างว่าได้กู้ยืมเงินจากบุคคลอื่นมาให้ลูกหนี้กู้ยืม ก็ไม่ได้นำบุคคลดังกล่าวมานำสืบสนับสนุน การที่เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้กู้ยืมเงินไปก็ไม่ได้ทำหลักฐานการกู้ยืมหรือมีหลักประกันอย่างอื่นนอกจากให้ลูกหนี้สั่งจ่ายเช็คไว้เป็นประกันเท่านั้นทั้ง ๆ ที่เป็นเงินจำนวนมาก การจ่ายเงินให้ลูกหนี้จ่ายเป็นเงินสดแต่ไม่มีหลักฐานการรับเงิน คำเบิกความของเจ้าหนี้เป็นการเบิกความลอย ๆ ขาดเหตุผล และไม่มีพยานอื่นสนับสนุน ฟังไม่ได้ว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้จริง.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ไว้เด็ดขาดแล้ว ต่อมาเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้จำนวน 17,330,424.51 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ให้บรรดาเจ้าหนี้ลูกหนี้ตรวจคำขอรับชำระหนี้แล้ว เจ้าหนี้รายที่ 1 และเจ้าหนี้รายที่ 4 โต้แย้งว่ามูลหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้เกิดขึ้นจากการสมยอมระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว เห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียทั้งสิ้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าหนี้ว่า ควรอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้หรือไม่เจ้าหนี้เบิกความว่า เจ้าหนี้มีรายได้จากการเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทต่าง ๆ ได้รับเงินเดือนเดือนละ100,000 บาท และมีรายได้จากการเล่นหุ้นอีกปีละ 50,000 บาทมีเงินฝากในธนาคาร 5,000,000 บาท ในเดือนเมษายน 2528ได้ให้ลูกหนี้กู้ยืมเงินไปรวม 4 ครั้ง เป็นเงิน 16,650,000 บาทเจ้าหนี้ได้ให้ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ตามเอกสารหมาย จ.1เห็นว่า เกี่ยวกับรายได้ของเจ้าหนี้นั้นเมื่อหักรายจ่ายส่วนตัวและรายจ่ายภายในครอบครัวตลอดทั้งภาษีเงินได้แล้ว เชื่อว่ามีเงินเหลือไม่เกินปีละ 1,000,000 บาท เจ้าหนี้ใช้เวลาทำงานเมื่ออายุ26 ปี (เกิดเมื่อ พ.ศ. 2490) นับเวลาถึงปี พ.ศ. 2528 เป็นเวลา 12 ปี มีเงินเหลือไม่เกิน 12,000,000 บาท ซึ่งน้อยกว่าจำนวนเงินที่เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้กู้ยืมไป ที่เจ้าหนี้ว่าได้กู้ยืมเงินจากบุคคลอื่นมาให้ลูกหนี้กู้ยืมด้วยก็ไม่ได้นำบุคคลดังกล่าวมาเบิกความสนับสนุน นอกจากนี้ยังได้ความว่าเจ้าหนี้แจ้งรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพียงปีละ 200,000 บาท การที่เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้กู้ยืมเงินไปก็ไม่ได้ทำหลักฐานการกู้ยืมไว้หรือมีหลักประกันอย่างอื่นนอกจากให้ลูกหนี้สั่งจ่ายเช็คไว้เป็นประกันเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นเงินจำนวนมากการจ่ายเงินให้ลูกหนี้ก็เป็นเงินสดไม่มีหลักฐานการรับเงิน คำเบิกความของเจ้าหนี้เป็นการเบิกความลอย ๆ ขาดเหตุผล และไม่มีพยานอื่นสนันสนุนฟังไม่ได้ว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้จริง เป็นหนี้ที่เจ้าหนี้และลูกหนี้สมยอมทำขึ้นโดยไม่มีมูลหนี้ต่อกันจึงไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของเจ้าหนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share