แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 2 รับเงินของกลางจากสายลับที่มาล่อซื้อเมทแอมเฟตามีน แล้วติดต่อให้จำเลยที่ 1 ซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนของกลาง 5 เม็ดมายังหอพักที่เกิดเหตุ โดยเดินทางมาถึงพร้อมกัน พฤติการณ์ดังกล่าวจึงบ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันขายเมทแอมเฟตามีนแก่สายลับ แต่การที่จำเลยที่ 2 ตกลงขายเมทแอมเฟตามีนและรับเงินจำนวน 200 บาท ที่สายลับนำมาล่อซื้อเก็บไว้ แล้วติดต่อให้จำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบแก่สายลับ และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมเสียก่อนที่จะมีการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนกัน การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยทั้งสองจึงไม่สำเร็จบริบูรณ์ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามขายเมทแอมเฟตามีนและฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๔, ๖, ๑๓ ทวิ, ๖๒, ๘๙, ๑๐๖ คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๓๘๐๓/๒๕๓๙ และนับโทษจำเลยที่ ๒ ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๓๘๐๔/๒๕๓๙ ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๓ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๘๙, ๖๒ วรรคหนึ่ง, ๑๐๖ วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานร่วมกันขายวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ขณะกระทำผิดจำเลยที่ ๑ มีอายุไม่เกิน ๑๗ ปี ส่วนจำเลยที่ ๒ มีอายุไม่เกิน ๒๐ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕ และ ๗๖ ลงโทษจำเลยคนละ ๒ ปี ๖ เดือน คำรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลยทั้งสอง เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกคนละ ๒๐ เดือน คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๓๘๐๓/๒๕๓๙ กับนับโทษจำเลยที่ ๒ ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๓๘๐๔/๒๕๓๙ นั้น ไม่ปรากฏว่า ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสอง จึงให้ยกคำขอส่วนนี้
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เมื่อจำเลยที่ ๒ รับธนบัตรของกลางจากสายลับที่มาล่อซื้อเมทแอมเฟตามีน แล้วติดต่อให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนของกลาง จำนวน ๕ เม็ด มายังหอพักที่เกิดเหตุ โดยเดินทางมาถึงพร้อมกัน พฤติการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันขายเมทแอมเฟตามีนของกลางแก่สายลับ โดยจำเลยที่ ๒ ตกลงขายเมทแอมเฟตามีนและรับเงินจำนวน ๒๐๐ บาท ที่สายลับนำมาล่อซื้อเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วติดต่อให้จำเลยที่ ๑ นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบแก่สายลับ แต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมเสียก่อน การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยทั้งสองกับสายลับจึงไม่สำเร็จบริบูรณ์ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นเพียงความผิดฐานพยายามขายเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน ๕ เม็ด และฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตเท่านั้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานพยายามขายวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และฐานมีวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในครอบครอง ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๓ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๘๙, ๖๒ วรรคหนึ่ง, ๑๐๖ วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๘๓ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานพยายามขายวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ขณะกระทำผิดจำเลยที่ ๑ อายุไม่เกิน ๑๗ ปี จำเลยที่ ๒ อายุไม่เกิน ๒๐ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕ และ ๗๖ ลงโทษจำคุกคนละ ๑ ปี ๘ เดือน คำรับสารภาพชั้นจับกุมของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกคนละ ๑๓ เดือน ๑๐ วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๖.