แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
การทำไม้เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ มาตรา 11 วรรคหนึ่ง ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 73 วรรคสอง (2) และการมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ มาตรา 69 วรรคสอง (2) ส่วนการช่วยซ่อนเร้นหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของอันตนรู้ว่านำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม ข้อจำกัด เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ มาตรา 27 ทวิ ลักษณะของความผิดในแต่ละข้อหาอาศัยเจตนาในการกระทำความผิดแตกต่างแยกจากกันได้แม้ไม้หวงห้ามที่จำเลยที่ 1 ร่วมกันทำไม้และมีไว้ในครอบครองจะเป็นจำนวนเดียวกันก็ตามการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
พ.ร.บ.ศุลกากรฯ มาตรา 27 ทวิ กำหนดโทษปรับไว้เป็นเงินสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรแล้ว ไม่ใช่สี่เท่าของค่าอากร ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 นำราคาเลื่อยยนต์ของกลางมารวมคำนวณกับค่าอากร จึงต้องด้วยบทบัญญัติของกฎหมายแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11, 69, 73, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวา พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 83, 33, 32 ริบของกลาง และจ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับ และจ่ายเงินรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11 วรรคหนึ่ง, 73 วรรคสอง (2), 69 วรรคสอง (2) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการกระทำผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันทำไม้หวงห้ามจำคุกคนละ 3 ปี ฐานร่วมกันมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองจำคุกคนละ 3 ปี และจำเลยที่ 1 ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2569 มาตรา 27 ทวิ ฐานช่วยซ่อนเร้นหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม ข้อจำกัด ให้จำคุก 1 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละ 3 ปี จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละ 1 ปี 6 เดือน ริบของกลางเนื่องจากศาลลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสาม จึงไม่อาจสั่งจ่ายเงินสินบนนำจับตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ได้ให้ยกคำขอในส่วนนี้ ให้จ่ายเงินสินบนร้อยละสามสิบ และจ่ายเงินรางวัลร้อยละยี่สิบห้าของราคาเลื่อยยนต์ของกลางที่ศาลสั่งริบสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรฯ ตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิดฯ มาตรา 7, 8
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานร่วมกันทำไม้หวงห้ามจำคุกคนละ 1 ปี ฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 2 ปี ปรับจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติศุลกากรฯ จำนวน 41,600 บาท รวมเป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี และปรับ 41,600 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี และปรับ 20,800 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละ 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นตามฎีกาในข้อกฎหมายของจำเลยที่ 1 ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ เห็นว่า การทำไม้เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11 วรรคหนึ่ง ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 73 วรรคสอง (2) และการมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 วรรคสอง (2) ส่วนการช่วยซ่อนเร้นหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของอันตนรู้ว่านำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม ข้อจำกัด เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ ลักษณะของความผิดในแต่ละข้อหาอาศัยเจตนาในการกระทำความผิดแตกต่างแยกจากกันได้ แม้ไม้หวงห้ามที่จำเลยที่ 1 ร่วมกันทำไม้และมีไว้ในครอบครองจะเป็นจำนวนเดียวกันก็ตาม การกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และที่จำเลยที่ 1 ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายต่อไปว่าศาลอุทธรณ์ภาค 3 ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ โดยจำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ กำหนดให้ลงโทษปรับเป็นจำนวนสี่เท่าของค่าอากรที่ต้องเสียสำหรับการนำเข้าเลื่อยยนต์ของกลาง แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 นำราคาของเลื่อยยนต์มาคำนวณเป็นค่าปรับแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่า พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ทวิ กำหนดโทษปรับไว้เป็นเงินสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรแล้ว ไม่ใช่สี่เท่าของค่าอากรดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกา ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 นำราคาเลื่อยยนต์ของกลางมารวมคำนวณกับค่าอากร จึงต้องด้วยบทบัญญัติของกฎหมายแล้ว ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยทั้งสามฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันทำไม้พฤกษ์จำนวน 1 ท่อนไม้ตีนนกจำนวน 4 ท่อน ไม้เต็งจำนวน 2 ท่อน ไม้ประดู่จำนวน 13 ท่อน ไม้พลวงจำนวน 1 ท่อน และไม้หว้าจำนวน 1 ท่อน ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ในป่าในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และร่วมกันมีไม้หวงห้ามดังกล่าวไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนมากถึง 22 ท่อน ปริมาตร 4.30 ลูกบาศก์เมตร นับเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรง แม้จำเลยทั้งสามมีภาระต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวก็ยังไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษให้นั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน