คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 454/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้โจทก์ฟ้องโดยใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยร่วมตาม ป.พ.พ. มาตรา 233 กับได้ขอหมายเรียกจำเลยร่วมมาในคดีนั้นด้วย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 234 จำเลยร่วมให้การว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อน และจำเลยร่วมไม่ได้เพิกเฉยในการใช้สิทธิเรียกร้องต่อจำเลยทั้งสอง จึงเป็นคำให้การที่ไม่ได้แสดงถึงสิทธิเรียกร้องทำนองเดียวกับคำฟ้องของโจทก์ในการที่จะบังคับชำระหนี้เอาจากจำเลยทั้งสอง และเป็นคำให้การที่ไม่ยอมรับฐานะของโจทก์ในการใช้สิทธิตาม ป.พ.พ. มาตรา 233 จำเลยร่วมจึงไม่อาจขอเปลี่ยนสถานะจากจำเลยเป็นโจทก์ได้ อีกทั้งไม่สามารถเข้ามาเป็นคู่ความได้ด้วยการร้องสอดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 วรรคหนึ่ง ที่ระบุเฉพาะแต่บุคคลภายนอกที่มิใช่คู่ความเท่านั้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 201,662,737.48 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่าขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2557 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นหมายเรียกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ลูกหนี้เข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 234 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้หมายเรียกสหกรณ์เข้ามาเป็นจำเลยร่วม
จำเลยร่วมให้การขอให้ยกฟ้อง
ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2557 จำเลยร่วมยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยร่วมเข้าชื่อเป็นโจทก์หรือโจทก์ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 235 และขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ที่ยังคงเหลือค้างชำระให้แก่จำเลยร่วม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยร่วมเป็นคู่ความในคดีไม่อาจร้องสอดเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมได้ (ที่ถูก ต้องยกคำร้องด้วย)
จำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้โดยเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด จำเลยร่วมซึ่งเป็นลูกหนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากจำเลยร่วมขัดขืนไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้องหรือเพิกเฉยเสียไม่ใช้สิทธิเรียกร้อง เป็นเหตุให้โจทก์เจ้าหนี้ต้องเสียประโยชน์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 233 รวมถึงโจทก์ผู้ใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยร่วมได้ขอหมายเรียกจำเลยร่วมมาในคดีนั้นด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 234 ทั้งนี้เพื่อให้จำเลยร่วมทราบและอาจยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วนรวมถึงอาจเข้าเป็นคู่ความในฐานะโจทก์เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องของตนที่มีต่อลูกหนี้เดิมคือจำเลยทั้งสองที่ถูกฟ้องเป็นจำเลย หรือเข้าเป็นคู่ความในฐานะจำเลยกรณีที่ปฏิเสธข้อเรียกร้องของโจทก์ คดีนี้จำเลยร่วมให้การว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่4443/2556 ของศาลแพ่ง และจำเลยร่วมไม่ได้เพิกเฉยในการใช้สิทธิเรียกร้องต่อจำเลยทั้งสองที่ได้รับเงินบริจาคจากอดีตประธานกรรมการ ตลอดจนกรรมการและเจ้าหน้าที่ของจำเลยร่วม โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ขอให้ยกฟ้อง จึงเป็นคำให้การที่ไม่ได้แสดงถึงสิทธิเรียกร้องทำนองแนวทางเดียวกันที่สอดคล้องกับคำฟ้องของโจทก์ในการที่จะบังคับชำระหนี้เอาจากจำเลยทั้งสอง และทั้งเป็นคำให้การไม่ยอมรับฐานะของโจทก์ในการใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 233 ดังนั้น จำเลยร่วมจึงไม่อาจเข้าเป็นคู่ความในฐานะโจทก์เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องของตนที่มีต่อจำเลยทั้งสองได้ แต่ได้เข้าเป็นคู่ความในฐานะจำเลยที่ปฏิเสธข้อเรียกร้องของโจทก์ตามฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องให้ยกฟ้องโจทก์ จำเลยร่วมจึงไม่อาจเปลี่ยนสถานะจากการเป็นจำเลยที่มีข้อต่อสู้กับโจทก์เข้าชื่อเป็นโจทก์ได้อีก อีกทั้งไม่สามารถเข้ามาเป็นคู่ความได้ด้วยการร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 วรรคหนึ่ง ที่ระบุชัดเจนว่าเฉพาะแต่บุคคลภายนอกที่มิใช่คู่ความเท่านั้นที่จะเข้ามาในคดีด้วยการร้องสอดได้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share