คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 454/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลคดีเด็กฯ ขอให้ถอนอำนาจปกครองจากจำเลยแต่งตั้งโจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแทน แม้ว่าคำฟ้องของโจทก์อาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1503 เป็นหลักซึ่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กฯ พ.ศ.2494 มาตรา 8(2) ไม่ได้บัญญัติให้มาตรา 1503 นี้อยู่ในอำนาจศาลคดีเด็กฯก็ตามแต่การที่โจทก์ขอให้ศาลสั่งเปลี่ยนอำนาจปกครองจากจำเลยให้อยู่แก่โจทก์ผู้เป็นมารดาซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลจะสั่งตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) ด้วย และมาตรานี้พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กฯ พ.ศ.2494 มาตรา 8(2)บัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กฯ ฉะนั้นศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางว่า จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายและไม่เอาใจใส่ดูแลบุตร ขอให้ถอนอำนาจปกครองจากจำเลยแต่งตั้งโจทก์ให้เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแทน

จำเลยให้การว่า โจทก์ละทิ้งบุตรไว้กับจำเลยแล้วไปมีสามีใหม่ขอให้ยกฟ้อง

ศาลคดีเด็กฯ พิจารณาเห็นว่า พฤติการณ์ทั่วไปยังไม่มีเหตุจะเพิกถอนอำนาจปกครองของจำเลย พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็ก ๆ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จำเลยได้หย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยาแล้วได้ทำหนังสือสัญญาตกลงกันมอบให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตร บัดนี้โจทก์มาฟ้องขอให้ศาลสั่งเปลี่ยนตัวผู้ปกครอง อันเป็นการดำเนินการโดยอาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1503 เป็นหลักซึ่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนฯ พ.ศ. 2494 มาตรา 8(2) จะมิได้บัญญัติว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กฯ ดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่คดีนี้ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งเปลี่ยนอำนาจปกครองจากจำเลยให้อยู่แก่โจทก์ผู้เป็นมารดาซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลจะสั่งตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) ด้วย ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนฯ พ.ศ. 2494 มาตรา 8(2) บัญญัติว่า คดีซึ่งจะต้องบังคับใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) นี้ ให้อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชน ฉะนั้น คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางที่จะพิจารณาพิพากษาได้

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ส่งสำนวนคืนไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share