คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4531/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเคยต้องโทษจำคุกในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองก่อนที่ พ.ร.บ. ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 มีผลใช้บังคับ จึงไม่มีผลย้อนหลัง ทั้งความผิดที่จำเลยเคยต้องโทษจำคุกเป็นความผิดฐานมีไว้ในครอบครองเพียงอย่างเดียว โดยจำเลยไม่ได้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเสพด้วย จึงไม่เข้าเงื่อนไขตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว กรณีจึงไม่อาจรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้ตาม ป.อ. มาตรา 56

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน กลจ นว 293 ไปตามถนนสายพยุหะนครสวรรค์ (สายเก่า) จากอำเภอพยุหะคีรี มุ่งหน้าไปอำเภอเมืองนครสวรรค์ ถึงที่เกิดเหตุบริเวณหน้าวัดเขาแก้ว ซึ่งเป็นที่ชุมชนและคับขัน ขณะนั้นมีนางลั่นทมขับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน อุทัยธานี ช – 5595 โดยมีเด็กชายภาณุวัฒน์นั่งอยู่ข้างหน้า จำเลยควรชะลอความเร็วของรถให้ช้าลงและควรดูให้ดีว่าจะมีรถคันอื่นแล่นตัดข้ามเส้นทางเดินรถหรือไม่ เพื่อให้รถคันอื่นแล่นผ่านไปได้อย่างปลอดภัย แต่จำเลยหาได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอไม่คงขับรถด้วยความเร็วสูงเกินสมควร เมื่อนางลั่นทมขับรถจักรยานยนต์เลี้ยวขวาตัดช่องเดินรถเพื่อข้ามไปยังฝั่งตรงกันข้าม จึงเป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับชนกับรถจักรยานยนต์ที่นางลั่นทมขับ ทำให้รถทั้งสองคันได้รับความเสียหาย นางลั่นทมได้รับอันตรายสาหัส ต้องทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันและเด็กชายภาณุวัฒน์ได้รับอันตรายแก่จิตใจ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157 ป.อ. มาตรา 300, 390, 90
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (4), 157 ป.อ. มาตรา 300, 390 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุก 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยเคยต้องโทษจำคุกฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง ต่อมามีการแก้ไขกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นผู้ป่วย จึงถือว่าจำเลยเป็นผู้ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนนั้น เห็นว่า จำเลยเคยต้องโทษจำคุกในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 3369/2543 ของศาลจังหวัดนครสวรรค์ คดีถึงที่สุดก่อนที่ พ.ร.บ. ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 มีผลใช้บังคับจึงไม่มีผลย้อนหลัง ทั้งความผิดที่จำเลยเคยต้องโทษจำคุกนั้นเป็นความผิดฐานมีไว้ในครอบครองเพียงอย่างเดียวโดยจำเลยไม่ได้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเสพด้วย กรณีจึงไม่เข้าเงื่อนไขตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย โดยให้เหตุผลว่ากรณีของจำเลยไม่อาจรอการลงโทษได้ตาม ป.อ. มาตรา 56 จึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

Share