แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่บุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาล เป็นคดีไม่มีข้อพิพาทโดยทำเป็นคำร้องขอยื่นต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 และมาตรา 188(1) ต้องพิจารณาจากกฎหมายสารบัญญัติกล่าวคือ จะต้องมีกฎหมายบัญญัติรับรองให้ใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องขอในกรณีนั้น ๆ ได้ เมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติรับรองว่าหากผู้ร้องทำนิติกรรมยกที่ดินให้ผู้ใดไปแล้ว ให้ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่านิติกรรมยกให้ดังกล่าวเป็นโมฆะได้แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 156 ที่ให้ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่านิติกรรมเป็นโมฆะได้ก็เป็นเพียงหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่จะทำให้นิติกรรมเป็นโมฆะเท่านั้น หาได้รับรองให้ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆะแต่อย่างใดผู้ร้องจึงไม่สามารถใช้สิทธิทางศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3711 ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ 2537 ผู้ร้องประสงค์จะยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่นางชมพูนุช ชินะโยธินนางสาวกอบมณี ชินะโยธิน นางสาวอรอุษา ชินะโยธินนางชนัดดา มฤทธิดา (ชินะโยธิน) และนายฉัตรชัย ชินะโยธิน ซึ่งเป็นบุตรทั้งห้าคนจึงได้ไปทำสัญญาให้และจดทะเบียนโอนที่สำนักงานที่ดินแต่เมื่อต้นปี 2540 ผู้ร้องทราบว่า ผู้รับให้มีเพียง 3 คน คือนางชนัดดา นางสาวอรอุษา และนายฉัตรชัย ซึ่งไม่ตรงกับเจตนาของผู้ร้อง อันเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม ขอให้ศาลมีคำสั่งว่า นิติกรรมการให้ที่ดินดังกล่าวกระทำไปโดยสำคัญผิดเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า กรณีตามคำร้องไม่มีกฎหมายรับรองให้ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55โดยวิธียื่นคำร้องขอเป็นคดีไม่มีข้อโต้แย้ง ผู้ร้องต้องฟ้องเป็นคดีมีข้อโต้แย้งกับผู้ที่เกี่ยวข้องจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่ามีเหตุเพิกถอนนิติกรรมตามคำร้องขอหรือไม่ ผู้ร้องไม่มีอำนาจยื่นคำร้องนี้ได้ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 156 ที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งว่านิติกรรมยกให้เป็นโมฆะนั้น เห็นว่า การเสนอคดีต่อศาลกระทำให้ 2 วิธีวิธีแรกหากมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมายแพ่งก็เสนอเป็นคดีมีข้อพิพาทโดยทำเป็นคำฟ้องยื่นต่อศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 และมาตรา 172 วิธีที่สองหากบุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาลก็เสนอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทโดยทำเป็นคำร้องขอยื่นต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 และมาตรา 188(1)ส่วนกรณีใดบ้างที่บุคคลจะต้องใช้สิทธิทางศาลก็ต้องพิจารณาจากกฎหมายสารบัญญัติ กล่าวคือ จะต้องมีกฎหมายบัญญัติรับรองให้ใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องขอในกรณีนั้น ๆ ได้ กรณีของผู้ร้องไม่มีกฎหมายบัญญัติรับรองว่าหากผู้ร้องทำนิติกรรมยกที่ดินให้ผู้ใดไปแล้วให้ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่านิติกรรมยกที่ดินให้ผู้ใดไปแล้วให้ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่านิติกรรมยกให้เป็นโมฆะได้ ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 156 บัญญัติรับรองให้ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่านิติกรรมเป็นโมฆะได้ก็เห็นว่าบทบัญญัติดังกล่าวเป็นเพียงหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่จะทำให้นิติกรรมเป็นโมฆะเท่านั้น หาใช่บทบัญญัติที่รับรองให้ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่านิติกรรมนั้นเป็นโมฆะได้ ดังนั้น ผู้ร้องจะเริ่มคดีโดยทำเป็นคำร้องขอยื่นต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 และมาตรา 188(1) หาได้ไม่ ผู้ร้องจึงไม่อาจขอให้ศาลดำเนินการไต่สวนและมีคำสั่งตามคำร้องขอได้
พิพากษายืน