คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 453/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องฐานเจ้าพนักงานยักยอกโดยอ้างบทกฎหมายขอให้ลงโทษมา 2 มาตรา คือมาตรา 131 กับ 319 ข้อ 3 นั้น ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ที่จะเป็นฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ มีความสำคัญอยู่ที่คำบรรยายฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานรับราชการในตำแหน่งผู้ช่วยโลหกิจจังหวัดฝ่ายการเงิน มีหน้าที่รับเงินมัดจำค่าภาคหลวงแร่ และเงินประเภทต่าง ๆ ของรัฐบาลที่มีผู้มาชำระและนำส่งคลัง หากส่งไม่ทันในวันนั้นก็ต้องนำเงินมอบโลหกิจจังหวัดหรือผู้แทน เมื่อระหว่างวันที่ ๓๑ มีนาคม ถึง วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๙๑ เวลาใดไม่ปรากฏ จำเลยได้มีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเงินมัดจำค่าภาคหลวงแร่ ๑๖๔๒ บาทเศษ ซึ่งโลหกิจจังหวัดได้มอบให้จำเลยนำส่งคลังไปเป็นประโยชน์ส่วนตนเสีย และเมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๔๙๑ เวลากลางวัน จำเลยได้รับเงินมัดจำค่าภาคหลวงแร่ ๒ราย เป็นเงิน ๒๐๒๑ บาทเศษ แล้ววันนั้นจำเลยได้ยักยอกเงินรายนี้ไปเป็นประโยชน์ส่วนตนเสีย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๓๑,๓๑๙ ข้อ ๓
จำเลยให้การปฏิเสธ และตัดฟ้องว่า โจทก์ฟ้องเคลือบคลุม มาตรา ๑๓๑ และ ๓๑๙ ที่โจทก์ขอให้ลงโทษเป็นความผิดคนละฐาน
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่า ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมที่โจทก์อ้างบทขอให้ลงโทษ ๒ มาตรานั้น เป็นเรื่องยักยอกทั้ง ๒ มาตรา เพื่อให้ศาลใช้ดุลยพินิจวางโทษตามมาตราใด และฟังว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานยักยอกเงินราย ๒๑๒๑ บาทเศษไปจริง ให้จำคุก ๓ ปี ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๓๑ แก้ไข พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๓ กับให้ใช้เงินส่วนว่ายักยอกเงินราย ๑๖๔๒ บาทเศษให้ยกเสีย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นคดีต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง ที่ฎีกาว่าฟ้องเคลือบคลุมโดยอ้างกฎหมาย ๒ มาตรานั้น เห็นว่าหาเป็นพ้องเคลือบคลุมไม่ จะเป็นฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ มีความสำคัญอยู่ที่คำบรรยายฟ้อง พิจารณาคำฟ้องแล้วเห็นว่าได้บรรยายได้อย่างชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยเป็นเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับเงินรายนี้และได้กระทำการยักยอกเงิน จึงไม่เคลือบคลุม และเห็นพ้องด้วยศาลล่างว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน พิพากษายืน

Share