แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคหนึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ย่อมต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166
โจทก์ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 15 สิงหาคม 2540 ขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่เกินกำหนด 15 วัน นับแต่วันยกฟ้องจึงให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2540
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคหนึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น
พิพากษายกฎีกาโจทก์