คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451-452/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่เจ้าของที่ดินลงลายพิมพ์นิ้วมือในใบมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ไปขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินโดยมิได้กรอกข้อความแล้วจำเลยที่ 1 ไปจัดการกรอกข้อความเติมไปด้วยว่าให้มีอำนาจทำนิติกรรมขายฝากได้ด้วยและนำที่ดินไปขายฝากให้แก่จำเลยที่ 2 นั้น ถือว่าเป็นการทำนอกเหนือขอบอำนาจของตัวการตามปกติจึงไม่ผูกพันตัวการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 เว้นแต่ทางปฏิบัติของตัวการทำให้บุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่าการนั้นอยู่ในขอบอำนาจของตัวแทนหรือตัวการให้สัตยาบัน จึงจะผูกพันตัวการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 822 และ 823
เมื่อจำเลยที่ 2 ผู้ซื้อฝากที่ดินมิได้หลงเชื่อใบมอบอำนาจหากเชื่อตัวบุคคลอื่นซึ่งแสดงตนเป็นโจทก์จึงได้รับซื้อฝากที่พิพาทนั้นถือว่าโจทก์มิได้ทำให้จำเลยที่ 2 หลงเชื่อนิติกรรมขายฝากจึงไม่ผูกพันโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ในสำนวนแรกฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน 1 แปลงได้พิมพ์ลายนิ้วมือในใบมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ไปขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดิน จำเลยที่ 1 ได้กรอกข้อความเองและเติมข้อความไปอีกว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมขายฝากที่ดินนั้นได้ด้วย แล้วจำเลยที่ 1 ได้ขายฝากที่ดินนั้นให้จำเลยที่ 2 จึงขอให้เพิกถอนสัญญาขายฝากที่ดินพิพาทเสีย

จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ยินยอมให้จำเลยจำนองหรือขายฝากที่ดินพิพาทได้ ข้อความในใบมอบอำนาจตรงกับเจตนาของโจทก์แล้ว

จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์ได้บอกขายฝากที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยจำเลยได้ทำนิติกรรมขายฝากโดยสุจริต และโจทก์ยังเช่าที่ดินพิพาทจากจำเลยอีกด้วย แสดงว่าโจทก์รู้ถึงการทำนิติกรรมขายฝากเป็นอย่างดีจึงขอให้เพิกถอนมิได้

โจทก์ในสำนวนหลังฟ้องว่าจำเลยได้ขายฝากที่ดินดังกล่าวไว้กับโจทก์ กำหนดไถ่ถอนภายใน 1 ปี และจำเลยได้ขอเช่าที่พิพาทโดยคิดค่าเช่าเดือนละ 300 บาท จำเลยค้างค่าเช่า จึงขอให้ใช้และให้ส่งมอบที่พิพาทให้แก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ต่อสู้เช่นเดียวกับคำฟ้องในคดีแรก

ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันโดยพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีเจตนาขายฝากที่ดินให้จำเลยที่ 2 การขายฝากเป็นโมฆะ ให้เพิกถอนการขายฝากและให้ยกฟ้องคดีที่นายหนุนเป็นโจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การที่โจทก์มอบอำนาจให้ไปขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่นางบัวเขียวจำเลยกลับยักยอกลายมือไปทำการขายฝากอีก โจทก์จะอ้างความประมาทเลินเล่อของตนมาเพิกถอนนิติกรรมขายฝากมิได้ อ้างฎีกาที่ 353/2503 และ 491/2492 จึงให้ยกฟ้องคดีที่นางคำปันเป็นโจทก์ และให้นางคำปันส่งมอบนาพิพาทให้นายหนุน

นางคำปันโจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนกรอกใบมอบอำนาจเพิ่มขึ้นให้ทำการขายฝากได้ด้วย เป็นการทำนอกเหนือขอบอำนาจของตัวการจึงไม่ผูกพันตัวการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 823 เว้นแต่ทางปฏิบัติของตัวการทำให้บุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่าการนั้นอยู่ในขอบอำนาจของตัวแทนหรือตัวการให้สัตยาบัน จึงจะผูกพันตัวการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 822 และ 823 แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ปรากฏว่าทางปฏิบัติของโจทก์ทำให้บุคคลภายนอกมีมูลเหตุสมควรเชื่อว่า การนั้นอยู่ภายในขอบอำนาจของตัวแทนหรือว่าตัวการได้ให้สัตยาบันแล้ว คำพิพากษาฎีกาที่ศาลอุทธรณ์อ้างมานั้นเป็นเรื่องตัวแทนเอาใบมอบอำนาจของตัวการออกแสดงว่ามีอำนาจทำได้ บุคคลภายนอกจึงทำนิติกรรมโดยตัวการเป็นต้นเหตุให้เขาหลงเชื่อเช่นนั้น แต่คดีนี้บุคคลภายนอกคือจำเลยที่ 2 มิได้หลงเชื่อใบมอบอำนาจ หากเชื่อตัวบุคคลอื่นซึ่งแสดงตนเป็นโจทก์ โจทก์จึงมิได้ทำให้จำเลยที่ 2 หลงเชื่อ คนอื่นต่างหากที่ทำให้จำเลยที่ 2 เชื่อบุคคลผิดตัว กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะทำให้นิติกรรมขายฝากผูกพันโจทก์

จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share