คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
คดีซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงย่อมเป็นอันยุติแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จำต้องฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลชั้นต้น จะวินิจฉัยให้เป็นอย่างอื่นหาชอบด้วยวิธีพิจารณาไม่
การเช่าโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา เมื่อผู้ให้เช่าได้บอกเลิกการเช่ากับผู้เช่าด้วยวาจาแล้ว สัญญาเช่าย่อมระงับไปปัญหาที่ว่าการบอกเลิกการเช่าโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับซึ่งทำภายหลัง จะเป็นการบอกเลิกการเช่าโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ไม่จำต้องพิจารณาเพราะสัญญาเช่าได้ระงับไปแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินโจทก์ปลูกบ้านเป็นโรงงานสัญญาเช่าสิ้นสุดลง โจทก์ต้องการที่ดินเช่าคืน ให้จำเลยรื้อบ้านออกไป จำเลยไม่ยอมรื้อ โจทก์จึงให้ทนายมีหนังสือบอกเลิกการเช่าจำเลยหลบหนีไม่ยอมรับหนังสือ โดยแจ้งบุรุษไปรษณีย์ว่าได้ย้ายไปแล้วขอให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่าไม่เคยได้รับคำบอกกล่าวเลิกการเช่า และคำบอกกล่าวไม่สมบูรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อบ้านออกจากที่ของโจทก์ และให้ใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๓๐๐ บาทตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๑๑ จนกว่าจะรื้อบ้านออกไป
จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อกฎหมายว่า การบอกเลิกการเช่าของโจทก์ ถือได้ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยตลอดจนไปส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลย ก็ปรากฏว่าได้นำส่งให้จำเลยยังบ้านที่จำเลยเช่าที่ดินปลูกอยู่ โจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้ปรากฏว่าเหตุใดบุรุษไปรษณีย์จึงได้บันทึกว่าผู้รับย้ายไปแล้ว บุรุษไปรษณีย์จะได้นำหนังสือบอกกล่าวเลิกการเช่าไปส่งให้แก่จำเลยจริงหรือไม่และไปพบผู้ใดบอกว่าจำเลยย้ายไปแล้ว จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้รับหนังสือบอกกล่าวเลิกการเช่า เมื่อกรณีเป็นเช่นนี้ ย่อมถือไม่ได้ว่าได้มีการบอกกล่าวเลิกการเช่ากับจำเลยโดยชอบแล้ว ข้อที่ว่าโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าด้วยวาจากับจำเลยแล้ว ก็มีโจทก์ปากเดียวเบิกความลอย ๆ จำเลยปฏิเสธเป็นการยันปากต่อปากจึงรับฟังไม่ได้เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่ได้บอกกล่าวเลิกการเช่ากับจำเลยดังกล่าวข้างต้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๔ และศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าด้วยวาจากับจำเลยไว้แล้ว เมื่อจำเลยยังไม่รื้อบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์ โจทก์จึงให้ทนายความมีหนังสือบอกเลิกการเช่าส่งไปยังจำเลยอีกครั้งหนึ่ง ข้อเท็จจริงนี้เป็นอันยุติแล้ว แต่ศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์จำต้องฟังอย่างเดียวกับศาลชั้นต้น จะวินิจฉัยให้เป็นอย่างอื่นหาชอบด้วยวิธีพิจารณาไม่ เมื่อโจทก์ได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลยด้วยวาจาแล้ว สัญญาเช่าก็ระงับไป โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยได้ปัญหาว่าการบอกเลิกการเช่าโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับในครั้งหลังจะเป็นการบอกเลิกการเช่าโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงไม่เป็นปัญหาที่จะต้องพิจารณาเพราะสัญญาเช่าได้ระงับไปแล้วไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยต่อไป ศาลฎีกาจึงไม่จำต้องวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายนี้
พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share