คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2486

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทฟ้องว่าจำเลยกะทำผิดถานฉ้อโกงไนระหว่างคดีที่ต้องขึ้นสาลทหาน แม้โจทจะซาบความผิดของจำเลยพายหลัง ก็ไม่ทำไห้วันกะทำผิดของจำเลยเปลี่ยนแปลงไป

ย่อยาว

โจทฟ้องว่าจำเลยเปนหนี้โจทกตามคำพิพากสา วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๔๘๕ เจ้าพนักงานไปทำการยึดทรัพย์จำเลย จำเลยเพทุบายแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่าปืน+ของจำเลย ๑ กะบอกซึ่ง+สาลสั่งยึดจำเลยได้ขายไห้ผู้อื่นไปนานแล้ว ครั้นวันที่ ๒๐ กรกดาคม ๒๔๘๕ จำเลยยืนยันต่อสาลว่าขายไห้นายห่วงไปก่อนถูกฟ้องแล้ว โจทได้ร้องทุขต่อเจ้าพนักงานตำหรวด ต่อมาเดือนมกราคม ๒๔๘๖ โจทซาบว่าทางตำหรวดไม่ฟ้องและโจทซาลแน่นอนว่าจำเลยจำหน่ายปืนไห้นายห่วงพายหลังเจ้าพนักงานยึดจึงขอไห้ลงโทส
สาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากสาว่าคดีนี้ต้องฟ้องต่อสาลมนทลทหาน อัยการเท่านั้นที่จะเป็นโจทได้ จึงพิพากสายกฟ้อง
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสายืน
โจทดีกา สาลดีกาได้วินิฉัยฟ้องโจทแล้วเห็นว่าโจทกล่าวหาว่าจำเลยกะทำผิดในวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๔๘๕ แม้โจทจะเพิ่งซาบความผิดของจำเลยไนพายหลังก็ตาม ไม่กลับกลายไห้วันกะทำผิดเปลี่ยนแปลงไหม่ได้ กำหนดอายุความย่อมนับแต่วันกะทำผิด แต่การร้องทุขตาม ม.๘๐ กดหมายอาญา นับแต่วันรู้เรื่องและรู้ตัวผู้กะทำผิดเมื่อถือว่าคดีเรื่องนี้เกิดเหตุแต่วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๔๘๕ ตามข้อหาของโจทซึ่งเปนไหระหว่างเวลาที่จะต้องฟ้องต่อสาสทหาน สาลพลเรือนก็รับพิจารนาไม่ได้ จึงพิพากสายืนตาม

Share