คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4501/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าสัญญากู้ปลอมหรือไม่ และฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ ซึ่งศาลต้องสืบพยานตามประเด็นในคำฟ้องและคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 185 วรรคสอง การที่ศาลชั้นต้นจดบันทึกคำแถลงของจำเลยในรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ 70,000 บาท และได้ชดใช้ให้โจทก์ที่โรงพยาบาลแล้วนั้น เป็นการบันทึกหลังจากมีการสืบพยานโจทก์แล้ว และโจทก์ไม่ได้ยอมรับ จึงไม่ทำให้คดีเกิดประเด็นเพิ่มเติมว่าจำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์แล้วหรือไม่ และจำเลยไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบตามประเด็นดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2523 จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป 80,500 บาท ครบกำหนดสัญญาแล้วจำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ขอให้จำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามสัญญาให้โจทก์จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ สัญญากู้เงินที่โจทก์ฟ้องเป็นสัญญาปลอม โดยโจทก์กรอกข้อความเองโดยพลการ จำนวนเงินกู้ที่โจทก์บรรยายในคำฟ้องไม่ตรงกับจำนวนเงินในคำขอท้ายฟ้อง ทำให้จำเลยไม่เข้าใจและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ฟ้องโจทก์จึงเคลือบคลุมขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 80,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับจากวันที่ 18 ตุลาคม 2527ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ (ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องให้ไม่เกิน49,641 บาท) จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 80,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2523 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ (ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องให้ไม่เกิน 48,635.40 บาท) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้วคดีมีปัญหาเพียงว่า จำเลยมีสิทธินำสืบว่า จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์แล้วหรือไม่ เห็นว่า ตามคำให้การของจำเลยลงวันที่ 26 พฤศจิกายน2527 จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า จำเลยไม่ได้กู้เงินจากโจทก์สัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญาปลอม และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและไม่ปรากฏว่าจำเลยทำคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 และมาตรา 180แต่อย่างใดแม้คดีนี้จะไม่มีการชี้สองสถานตามมาตรา 182 และ 183แต่คดีก็คงมีประเด็นข้อพิพาทเพียงว่า เอกสารสัญญากู้ตามสำเนาท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่และศาลต้องสืบพยานตามประเด็นในคำฟ้องและคำให้การดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 185 วรรคสอง การที่ศาลชั้นต้นจดบันทึกคำแถลงของจำเลยในรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ 70,000 บาท และได้ชดใช้ให้โจทก์ที่โรงพยาบาลแล้วนั้น ปรากฏตามรายงานดังกล่าวว่าศาลชั้นต้นจดบันทึกหลังจากมีการสืบพยานโจทก์แล้ว และโจทก์ไม่ได้ยอมรับจึงไม่ทำให้คดีเกิดประเด็นเพิ่มเติมว่า จำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์แล้วหรือไม่แต่ประการใด และจำเลยไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบตามประเด็นดังกล่าว”
พิพากษายืน

Share