แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาตัวแทนย่อมระงับสิ้นไปด้วยตัวการตาย เมื่อตัวแทนทำตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บุคคลที่ 3 ๆ ก็ทราบ ตั๋วสัญญาใช้เงินไม่มัดกองมฤดกห้างหุ้นส่วนสามัญย่อมเลิกกันเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนส่วนคนใดคนหนึ่งตาย
ย่อยาว
ได้ความว่านาย ล.ทองสื่อตั้งวงแชร์เปียหวยใช้นามสมญาว่า ” สหกรณ์ประเสริฐสิน ” จำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดการ ต่อมานาย ล.ทองสื่อถึงแก่กรรม โจทก์ผู้เล่นแชร์รายนี้จึงเลิกเล่นแชร์ แลจำเลยที่ ๑ ได้ทำตั๋วสัญญาใช้เงิน ๕๗๐๐ ให้แก่โจทก์ยึดถือไว้ต่อมาไม่มีการใช้เงินตามตั๋วนั้น โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ดังนี้ มีปัญหาว่าจำเลยคนใดบ้างที่จะต้องรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยที่ ๑ ทำไว้ให้แก่โจทก์
ศาลแพ่งตัดสินว่าจำเลยทั้ง ๓ ต้องช่วยกันรับผิดใช้เงินให้โจทก์ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยฟังว่าจำเลยที่ ๑ เป็นหุ้นส่วนแลผู้จัดการในคณะสหกรณ์ประเสริฐสินกับนาย ล.ทองสื่อ
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ ๑ เป็นแต่เพียงตัวแทนหรือผู้จัดการสหกรณ์ประเสริฐสิน การที่จำเลยที่ ๑ ทำตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่โจทก์เมื่อนาย ล.ทองสื่อถึงแก่กรรมแล้ว แลโจทก์ก็ได้ทราบดังนี้ ความเกี่ยวพันในเรื่องตัวการตัวแทนก็เป็นอันสุดสิ้นไปตามประมวลแพ่ง ม.๘๒๖ กองมฤดก นาย ล.ทองสื่อจึงไม่ต้องรับผิดตามตั๋วนั้น โดยไม่ต้องพิจารณาจำเลยที่ ๑ คิดบัญชีตกลงจำนวนหนี้กับโจทก์ แลทำตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์นั้นได้กระทำไปโดยทุจจริตสมยอมกันหรือไม่แลศาลฎีกายังมีความเห็นต่อไปว่า แม้จะฟังว่าจำเลยที่ ๑ เป็นหุ้นส่วนกับนาย ล.ทองสื่อดังความเห็นของศาลแพ่งก็ดี หุ้นส่วนนั้นก็ต้องเลิกจากกันด้วยความมรณะของนาย ล.ทองสื่อตามประมวลแพ่ง ม.๑๐๕๕ ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นก็ไม่มัดกองมฤดกนาย ล. ทองสื่อดุจกัน ( ในข้อนี้ไม่มีใครอ้างว่าได้มีการชำระบัญชีหุ้นส่วนหรือจำเลยที่ ๑ ได้อ้างว่าเป็นผู้ชำระบัญชีหุ้นส่วนตามประมวลแพ่ง ม.๑๐๖๑ ) ฉะนั้นที่ศาลแพ่งให้จำเลยที่ ๒ ( ส่วนจำเลยที่ ๓ เป็นแต่นามสมญา ) รับผิดต่อโจทก์ด้วย จึงไม่ถูกทั้งในข้อกฎหมายแลข้อเท็จจริง จึงตัดสินกลับให้จำเลยที่ ๑ คนเดียวรับผิดใช้เงินให้โจทก์ตามตั๋วสัญญาใช้เงินแก่โจทก์