คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4498/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2503 ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17หมายเลข 18 และหมายเลข 19 ในบัญชี ข. จะต้องเสียภาษีตามมาตรา 16 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวจากฐานที่ไม่เหมือนกันกล่าวคือ ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17 ในบัญชี ข. เสียภาษีจากยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 18 ในบัญชี ข. เสียภาษีจากยอดสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่ายและผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 19 ในบัญชี ข. เสียภาษีจากยอดรายรับซึ่งหักรายจ่ายแล้ว ดังนั้น การที่มาตรา 16 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17 หมายเลข 18 และหมายเลข 19 ในบัญชี ข. เสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกไม่เกินร้อยละสองครึ่งเพื่อให้เป็นรายได้แก่เทศบาลแห่งท้องที่ที่เล่นการพนันตามใบอนุญาต โดยมิได้ระบุว่าให้เสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกร้อยละสองครึ่งจากฐานใดนั้น จึงหมายความว่าให้ผู้รับใบอนุญาตหมายเลข 17 หมายเลข 18 และหมายเลข 19ดังกล่าวเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกไม่เกินร้อยละสองครึ่งแห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่ายหรือยอดรายรับซึ่งหักรายจ่ายแล้ว แล้วแต่ว่าผู้รับใบอนุญาตนั้นเป็นผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลขใดในบัญชี ข. ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎกระทรวงฉบับที่ 17(พ.ศ. 2503) ตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 กำหนดภาษีตามมาตรา 16 วรรคหนึ่ง ไว้ในข้อ 12วรรคหนึ่งว่า ผู้รับใบอนุญาตการเล่นโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งเป็นการเล่นหมายเลข 19 ในบัญชี ข. เสียภาษีในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีร้อยละ 10 ในจังหวัดอื่นร้อยละ 5 แห่งยอดรายรับ ซึ่งหักรายจ่ายแล้วผู้รับใบอนุญาตการเล่นสลากกินแบ่ง สลากกินรวบหรือการเล่นอย่างใด ที่เสี่ยงโชคให้เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง สวีปหรือขายสลากกินแบ่งสลากกินรวบหรือสวีปซึ่งไม่ได้ออกในประเทศไทย แต่ได้จัดให้มีขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายของประเทศนั้น ซึ่งเป็นการเล่นหมายเลข 16 หมายเลข 18 และหมายเลข 20 ในบัญชี ข. เสียภาษีในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีร้อยละ 10 ในจังหวัดอื่นร้อยละ 5 แห่งยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่าย และกำหนดในข้อ 12 วรรคสองว่า นอกจากภาษีดังกล่าวแล้วให้ผู้รับใบอนุญาตเสียภาษีเพิ่มขึ้น ตามมาตรา 16 วรรคสอง อีกร้อยละสองครึ่งแห่งยอดที่ต้องเสียเพื่อเป็นรายได้ของเทศบาลแห่งท้องที่ที่เล่นการพนันตามใบอนุญาต ดังนั้นคำว่า “ยอดที่ต้องเสีย” ตามข้อ 12 วรรคสอง แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 17(พ.ศ. 2503)ดังกล่าว จึงหมายถึงยอดที่เป็นฐานในการเสียภาษีตามวรรคหนึ่งคือยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย แล้วแต่ว่าเป็นผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลขใดในบัญชี ข. นั่นเองหาใช่ว่าการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็นรายได้ของจำเลยจึงต้องเก็บจากยอดภาษีที่ต้องเสียโดยเทียบเคียงกับมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติรายได้เทศบาล พ.ศ. 2497 และมาตรา 112 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ไม่
แม้ความในมาตรา 12 วรรคสอง ของกฎกระทรวงฉบับที่ 17(พ.ศ. 2503) จะใช้คำว่า “ยอดที่ต้องเสีย” โดยไม่ได้ระบุว่าให้เสียภาษีเพิ่มขึ้นจากฐานใด แต่เมื่อพิจารณาจากพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 16 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2503 ข้อ 12 และกฎกระทรวงฉบับที่ 17(พ.ศ. 2503) ตลอดจนหมายเหตุของการแก้ไขแล้วความในวรรคสองของมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 นั้น ต้องอ่านต่อเนื่องจากความในวรรคหนึ่งฐานในการจัดเก็บภาษีการพนันใช้ฐานในการคำนวณภาษีคือรายรับก่อนหักรายจ่ายซึ่งในกรณีนี้คือสลากม้าแข่งที่สนามม้าได้รับไว้ทั้งสิ้น เมื่อโจทก์ผู้รับใบอนุญาตการเล่นโตแตไลเซเตอร์สำหรับการแข่งม้าซึ่งเป็นการเล่นหมายเลข 17 ในบัญชี ข. แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 โจทก์จึงต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นตามมาตรา 16วรรคสอง ในอัตราร้อยละสองครึ่งของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายของการเล่นการพนันดังกล่าว หาใช่ว่าต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกร้อยละสองครึ่งแห่งยอดภาษีที่ต้องเสียตามวรรคหนึ่ง ตามถ้อยคำที่บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรในมาตรา 12 วรรคสอง ดังกล่าวไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยคืนเงินภาษีเพิ่มขึ้นจำนวน 416,494,269.47 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในต้นเงินดังกล่าวในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 25พฤศจิกายน 2537 จนถึงวันฟ้องซึ่งโจทก์คิดเพียง 14 เดือน เป็นเงินดอกเบี้ย36,443,248.58 บาท รวมเป็นเงินภาษีและดอกเบี้ยที่จำเลยต้องชำระให้โจทก์ทั้งสิ้น452,937,518.05 บาท และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 416,494,269.47 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระให้โจทก์

จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทสมาคมเดิมใช้ชื่อว่าราชกรีฑาสโมสร ประกอบกิจการเกี่ยวกับการให้บริการสมาชิกและบุคคลทั่วไปในสมาคมของโจทก์ การจัดแข่งม้าและอื่น ๆ การจัดแข่งม้าของโจทก์เป็นการเล่นการพนันโตแตไลเซเตอร์ ตามบัญชี ข. หมายเลข 17 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 โจทก์เสียภาษีให้แก่กรมตำรวจในอัตราร้อยละ 10แห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายคือร้อยละสิบของยอดจำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดทั้งหมดที่โจทก์จำหน่ายให้ผู้ซื้อสลากม้าแข่งทั้งหมดในแต่ละเที่ยวโดยนำส่งภาษีดังกล่าวให้แก่กรมตำรวจภายในสัปดาห์ถัดจากสัปดาห์ที่โจทก์จัดให้มีการแข่งม้า และโจทก์ชำระภาษีเพิ่มขึ้นให้แก่จำเลยตามมาตรา 16 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการพนันดังกล่าวอีกร้อยละสองครึ่งของยอดจำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดทั้งหมดที่โจทก์จำหน่ายให้ผู้ซื้อสลากม้าแข่งทั้งหมดในแต่ละเที่ยว โดยนำส่งภาษีดังกล่าวทั้งหมดให้แก่จำเลยในสัปดาห์ถัดจากสัปดาห์ที่โจทก์จัดให้มีการแข่งม้า ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม2527 ถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2537 โจทก์ชำระภาษีเพิ่มขึ้นดังกล่าวให้แก่จำเลยเป็นเงินทั้งสิ้น 462,771,410.50 บาท ต่อมาโจทก์เห็นว่าโจทก์ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นดังกล่าวให้แก่จำเลยตามกฎกระทรวงฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2503) ข้อ 12 วรรคสอง เพียงร้อยละสองครึ่งของภาษีที่โจทก์ต้องเสียให้แก่กรมตำรวจ โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยคืนเงินภาษีที่อ้างว่าชำระเกินให้แก่จำเลยจำนวน 416,494,269.47 บาท เป็นคดีนี้ ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อแรกมีว่า โจทก์ต้องเสียภาษีเพิ่มตามมาตรา 16 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ในอัตราร้อยละสองครึ่งของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายของการเล่นการพนันหรือเสียในอัตราร้อยละสองครึ่งของยอดภาษีการพนันที่ต้องเสียตามมาตรา 16วรรคหนึ่ง เห็นว่า ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2503 บัญญัติว่า “รัฐมนตรีเจ้าหน้าที่รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้มีอำนาจกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17 ในบัญชี ข. เสียภาษีไม่เกินกว่าร้อยละสิบแห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายการเล่นหมายเลข 19 ในบัญชี ข. ไม่เกินร้อยละสิบแห่งยอดรายรับซึ่งหักรายจ่ายแล้วและการเล่นหมายเลข 16 หมายเลข 18 และหมายเลข 20 ในบัญชี ข. ไม่เกินร้อยละสิบแห่งยอดราคาสลากซึ่งผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่าย” และวรรคสองของมาตรา 16 บัญญัติว่า “รัฐมนตรีเจ้าหน้าที่รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้จะกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17 หมายเลข 18 และหมายเลข 19 ในบัญชี ข. เสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกไม่เกินร้อยละสองครึ่ง เพื่อให้เป็นรายได้ของเทศบาลแห่งท้องที่ที่เล่นการพนันตามใบอนุญาตโดยกำหนดในกฎกระทรวงก็ได้” และมาตรา 17 บัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รักษาการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17 หมายเลข 18 และหมายเลข 19 ในบัญชีข. จะต้องเสียภาษีตามมาตรา 16 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวจากฐานที่ไม่เหมือนกัน กล่าวคือ ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17 ในบัญชี ข. เสียภาษีจากยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 18 ในบัญชี ข.เสียภาษีจากยอดสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่าย และผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 19 ในบัญชี ข. เสียภาษีจากยอดรายรับซึ่งหักรายจ่ายแล้ว ดังนั้น การที่มาตรา 16วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17หมายเลข 18 และหมายเลข 19 ในบัญชี ข. เสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกไม่เกินร้อยละสองครึ่งเพื่อให้เป็นรายได้แก่เทศบาลแห่งท้องที่ที่เล่นการพนันตามใบอนุญาต โดยมิได้ระบุว่าให้เสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกร้อยละสองครึ่งจากฐานใดนั้น จึงหมายความว่าให้ผู้รับใบอนุญาตหมายเลข 17 หมายเลข 18 และหมายเลข 19 ดังกล่าวเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกไม่เกินร้อยละสองครึ่งแห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายหรือยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่ายหรือยอดรายรับซึ่งหักรายจ่ายแล้ว แล้วแต่ว่าผู้รับใบอนุญาตนั้นเป็นผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลขใดในบัญชี ข. ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎกระทรวงฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2503) ตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478กำหนดภาษีตามมาตรา 16 วรรคหนึ่ง ไว้ในข้อ 12 วรรคหนึ่ง ว่า ผู้รับใบอนุญาตการเล่นโตแตไลเซเตอร์สำหรับการเล่นอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งเป็นการเล่นหมายเลข 19 ในบัญชี ข.เสียภาษีในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีร้อยละ 10 ในจังหวัดอื่นร้อยละ 5 แห่งยอดรายรับซึ่งหักรายจ่ายแล้วผู้รับใบอนุญาตการเล่นสลากกินแบ่งสลากกินรวบหรือการเล่นอย่างใดที่เสี่ยงโชคให้เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง สวีปหรือขายสลากกินแบ่ง สลากกินรวบหรือสวีปซึ่งไม่ได้ออกในประเทศไทย แต่ได้จัดให้มีขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายของประเทศนั้น ซึ่งเป็นการเล่นหมายเลข 16 หมายเลข 18และหมายเลข 20 ในบัญชี ข. เสียภาษีในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีร้อยละ 10ในจังหวัดอื่นร้อยละ 5 แห่งยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่าย และกำหนดในข้อ 12 วรรคสองว่านอกจากภาษีดังกล่าวแล้วให้ผู้รับใบอนุญาตเสียภาษีเพิ่มขึ้นตามมาตรา 16 วรรคสอง อีกร้อยละสองครึ่งแห่งยอดที่ต้องเสียเพื่อเป็นรายได้ของเทศบาลแห่งท้องที่ที่เล่นการพนันตามใบอนุญาต ดังนั้น คำว่า “ยอดที่ต้องเสีย” ตามข้อ 12 วรรคสอง แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2503) ดังกล่าว จึงหมายถึงยอดที่เป็นฐานในการเสียภาษีตามวรรคหนึ่งคือยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย แล้วแต่ว่าเป็นผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลขใดในบัญชี ข. นั่นเอง ที่โจทก์อ้างว่าการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็นรายได้ของจำเลยต้องเก็บจากยอดภาษีที่ต้องเสียโดยเทียบเคียงกับมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติรายได้เทศบาล พ.ศ. 2497 และมาตรา 112 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 นั้น เห็นว่า บทกฎหมายที่โจทก์อ้างนั้น เป็นกฎหมายคนละฉบับกับทั้งยังบัญญัติไว้ชัดเจนว่าให้เรียกเก็บภาษีเพิ่มจากยอดภาษีที่ต้องเสีย จึงไม่อาจนำมาเทียบเคียงกันได้ และที่โจทก์อ้างว่าในเมื่อกฎกระทรวงฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2503)มาตรา 12 วรรคสอง มิได้กำหนดไว้ว่าให้เสียภาษีเพิ่มขึ้นจากฐานใด ดังเช่น วรรคหนึ่งแต่กลับใช้ถ้อยคำว่าให้เสียภาษีอีกร้อยละสองครึ่งแห่งยอดที่ต้องเสีย จึงต้องแปลตรงตัวตามถ้อยคำที่กำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรว่าผู้รับใบอนุญาตต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกร้อยละสองครึ่งแห่งยอดภาษีที่ต้องเสียตามวรรคหนึ่งนั่นเองนั้น เห็นว่า แม้ความในมาตรา 12 วรรคสอง ของกฎกระทรวงฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2503) จะใช้คำว่า ยอดที่ต้องเสียโดยไม่ได้ระบุว่าให้เสียภาษีเพิ่มขึ้นจากฐานใด แต่เมื่อพิจารณาจากพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 16 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2503 ข้อ 12 และกฎกระทรวงฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2503) ตลอดจนหมายเหตุของการแก้ไขแล้ว เห็นว่า ความในวรรคสองของมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 นั้น ต้องอ่านต่อเนื่องจากความในวรรคหนึ่ง ฐานในการจัดเก็บภาษีการพนันใช้ฐานในการคำนวณภาษีคือรายรับก่อนหักรายจ่าย ซึ่งในกรณีนี้คือสลากม้าแข่งที่สนามม้าได้รับไว้ทั้งสิ้น เมื่อโจทก์ผู้รับใบอนุญาตการเล่นโตแตไลเซเตอร์สำหรับการแข่งม้าซึ่งเป็นการเล่นหมายเลข 17 ในบัญชี ข. แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478โจทก์จึงต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นตามมาตรา 16 วรรคสอง ในอัตราร้อยละสองครึ่งของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายของการเล่นการพนันดังกล่าว การที่โจทก์เสียภาษีเพิ่มขึ้นตามมาตรา 16 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้แก่จำเลยในอัตราร้อยละสองครึ่งของยอดจำหน่ายสลากวินโต๊ดและเปล๊สโต๊ดทั้งหมด ที่โจทก์จำหน่ายให้แก่ผู้ซื้อสลากม้าแข่งทั้งหมดตลอดมาจนถึงปัจจุบันจึงถูกต้องตามบทบัญญัติของกฎหมายแล้ว

พิพากษายืน

Share