คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง66 วรรคหนึ่งและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เรียงกระทงลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 5 ปีฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุกคนละ 5 ปี รวมจำคุกคนละ 10 ปีลดโทษให้จำเลยคนละหนึ่งในสามคงจำคุกคนละ 6 ปี 8 เดือนศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนโทษจำคุกแต่ละกระทงจึงไม่เกิน5 ปี คู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งจำเลยทั้งสองฎีกาว่า พยานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิด เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2538 เวลากลางวันจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 จำนวน 9 หลอดหนัก 0.170 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีน จำนวน 1 หลอดหนัก 0.019 กรัม ซึ่งเป็นเฮโรอีนส่วนหนึ่งที่จำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อจำหน่ายดังกล่าวโดยขายแก่สายลับซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในราคา100 บาท โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลา เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมเฮโรอีนจำนวนดังกล่าว พร้อมกระป๋อง 1 ใบ ใช้บรรจุเฮโรอีนหลอดพลาสติกใหญ่ จำนวน 1 หลอด มีคราบเฮโรอีน หลอดกาแฟ1 ถุง เทียนไขใช้แล้ว 1 เล่ม ใบมีด 1 เล่ม ซึ่งจำเลยทั้งสองใช้ในการแบ่งบรรจุเฮโรอีนและธนบัตรฉบับละ 100 บาท 1 ฉบับ ที่ใช้ล่อซื้อเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2522 มาตรา 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91 ริบของกลาง และคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยที่ 1 ให้การรับว่า มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองแต่ปฏิเสธว่ามิได้มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และมิได้จำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เรียงกระทงลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 5 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุกคนละ 5 ปี รวมจำคุกคนละ 10 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คนละหนึ่งในสามคงจำคุกคนละ 6 ปี 8 เดือน ริบของกลางและคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 เรียงกระทงลงโทษลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุกคนละ 5 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุกคนละ5 ปี รวมจำคุกคนละ 10 ปี ลดโทษให้จำเลยคนละหนึ่งในสามคงจำคุกคนละ 6 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน เห็นว่าโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี คู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยทั้งสองฎีกาว่า พยานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิด เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาของจำเลยทั้งสอง

Share