แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ธนาคารทำหนังสือรับรองพ่อค้าซึ่งเข้าทำสัญญาส่งของต่อบุคคลที่สามว่า ถ้าพ่อค้านั้นผิดสัญญาประการใด ธนาคารจะรับผิดชอบชดใช้ให้บุคคลที่สามนั้น ถือว่าธนาคารเป็นผู้ค้ำประกัน ฉะนั้น เมื่อธนาคารได้ชำระเงินชดใช้แทนไปแล้ว ย่อมมีสิทธิมาฟ้องไล่เบี้ยเอาต่อพ่อค้าได้ภายในอายุความตามมาตรา 164 กรณีไม่เข้าลักษณะอายุความตาม มาตรา 165(1).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ ในการที่จำเลยที่ ๑ เซ็นสัญญากับ อ.จ.ส.รับเป็นผู้สั่งน้ำตาลทายจากประเทศไต้หวันในวงเงินหนึ่งล้านบาท จำเลยที่ ๑ ได้ทำหนังสือรับรองว่าถ้าโจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ ๑ จะชดใช้ให้และจำเลยที่๒,๓ เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ ต่+โจทก์ โจทก์ที่ ๑ ผิดนัดส่งน้ำตาลต่อ อ.จ.ส. เรียกค่าปรับจากโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกัน โจทก์ต้องชำระไปเป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทและโจทก์ได้เสียค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดีอาญาอีก ๔๐,๐๐๐ บาท จึงขอให้จำเลยทั้งสามชดใช้
จำเลยต่อสู้เป็นใจความสำคัญว่าจำเลยไม่ต้องชดใช้เพราะ จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ผิดสัญญากับอ.จ.ส.โดยที่มีเหตุสุดวิสัย และเป็นความผิดของโจทก์เองที่จ่ายเงินไปทั้ง ๆ ที่เกินกำหนดเวลาที่โจทก์จะต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสามฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าข้อที่จำเลยอ้างว่ามีเหตุสุดวิสัยนั้นฟังไม่ขึ้น ส่วนที่ว่าโจทก์ชำระเงินให้ อ.จ.ส. เมื่อพ้นกำหนดเวลาที่โจทก์ทำหนังสือรับรองให้ไว้แก่ อ.จ.ส. นั้น เห็นว่า อ.จ.ส.เรียกร้องให้โจทก์ชำระค่าปรับก่อนวันครบกำหนดสัญญา อ.จ.ส.มีสิทธิฟ้องร้องคดีได้แล้วภายในกำหนดอายุความ การที่โจทก์ชำระเงินค่าปรับไปในภายหลังจะถือว่าเป็นความผิดของโจทก์ไม่ได้ ส่วนเรื่องอายุควมนั้นเห็นว่า คดีนี้โจทก์ใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันที่ได้ชำระหนี้ให้แทนลูกหนี้ต้องใช้อายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๔ ไม่เกี่ยวกับอายุความตาม มาตรา ๑๖๕(๑) ดังจำเลยอ้าง ศาลฎีกาพิพากษายืน