แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทย์ฟ้องว่า สามีโจทก์ได้ขายฝากที่นาไว้กับจำเลย แต่มีเงินให้ไม่ครบ จำเลยจึงทำเป็นหนังสือสัญญาขอให้ใช้เงินแก่โจทก์ไว้ ศาลจะสั่งให้งดสืบพยานโจทก์เสียหาชอบไม่ เพราะมูลหนี้ตามฟ้องย่อมเป็นไปได้ ไม่เป็นการฝืนความจริง
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่า สามีโจทก์ขายฝากที่นาไว้แก่จำเลยเป็นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท จำเลยมีเงินให้ไม่ครบจำเลยจึงทำเป็นสัญญากู้เงิน ๑๐๐๖๙ บาทให้แก่โจทก์ต่อมาจำเลยได้ผ่อนใช้ให้โจทก์ ๑๐๐๐ บาท จำเลยจึงยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่อีก ๙๐๖๕ บาท ต่อมาผู้ร้ายลักสัญญากู้ไปเสีย โจทก์ขอให้จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย
จำเลยให้การปฏิเสธว่า ไม่เคยซื้อฝากที่ดินจากโจทก์ และไม่เคยกู้เงินโจทก์
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ และจำเลยไม่ขอสืบพยาน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ทำการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า มูลหนี้ตามโจทก์กล่าวในฟ้องย่อมเป็นไปได้ ไม่ใช่จะเป็นการฝืนความจริง โจทก์กับผู้ขายฝากที่ดินเป็นสามีภริยากัน ซึ่งถ้าจำเลยไม่มีเงินค่าซื้อฝากให้สามีโจทก์ครบถว้นตามสัญญาขายฝาก สามีโจทก์ก็ย่อมตกลงให้จำเลยทำเป็นสัญญากู้เงินได้ตามจำนวนที่ยังขาดอยู่
พิพากษายืน