แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์นำเงินไปชำระเงินกู้ จำเลยเพทุบายให้เอาสัญญากู้เผาไฟทิ้ง แต่จำเลยกลับเอาสัญญาอื่นอันไม่ใช่สัญญากู้มาเผาไฟแทน โจทก์หลงเชื่อจึงมอบเงินไป แล้วจำเลยนำสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยมาฟ้องเรียกเงินกู้จากโจทก์เป็นซ้ำสองอีกขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 304 ดังนี้แม้จะเป็นความจริงก็เป็นการหลอกเพื่อไม่ให้ต้องคืนหลักฐานแห่งการกู้แก่โจทก์ต่างหาก การกระทำของจำเลยตามฟ้องยังไม่เป็นมูลความผิดฐานฉ้อโกง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์ได้กู้เงินนายเที่ยงจำเลยที่ 1ไป 800 บาท โดยเอานาให้ทำต่างดอกเบี้ย เมื่อโจทก์นำเงินไปชำระหนี้กับจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสามจึงเพทุบายให้เอาสัญญานั้นเผาทิ้งเสีย โจทก์ก็ยอมแต่จำเลยเอาหนังสือสัญญาฉบับอื่นอันไม่ใช่สัญญากู้มาเผาไฟแทนสัญญากู้ที่แท้จริงอันเป็นการหลอกลวงให้โจทก์หลงเชื่อว่าจำเลยได้เอาสัญญากู้ที่แท้จริงแล้ว โจทก์จึงมอบเงินให้แก่จำเลยที่ 1 ไปทั้งนี้โดยจำเลยมีเจตนาคิดตระบัดสินไหมมาแต่เริ่มแรกและเป็นการเสียหาย จำเลยทุจริตประสงค์จะเรียกเอาทรัพย์จากโจทก์เป็นครั้งที่สองอีก เหตุเกิดบ้านกะโทก ตำบลกะโทก อำเภอโชคไชย จังหวัดนครราชสีมา
ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลจังหวัดนครราชสีมาเรียกเงินตามสัญญาที่โจทก์ทำให้ไว้กับจำเลยที่ 1 ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 อีก ขอให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 304, 60, 63
ก่อนสืบพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีไม่จำต้องมีการไต่สวน จึงให้งดและพิพากษาว่าฟ้องโดยไม่มีมูลทางอาญาตามบทที่กล่าวหา เพราะไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้อุบายหลอกลวงโจทก์โดยอาการอย่างใด การที่จำเลยเอาหนังสืออื่นมาเผาก็เป็นการกระทำของจำเลยไม่เกี่ยวแก่โจทก์ จำเลยมิได้หลอกลวงให้โจทก์ส่งทรัพย์ให้หรือทำหรือถอนทำลายหนังสือสำคัญอย่างใด จึงให้ยกฟ้องโจทก์และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องเป็นเรื่องโจทก์นำเงินไปชำระหนี้เงินกู้ให้จำเลยเอง มิใช่จำเลยหลอกให้โจทก์ส่งทรัพย์ให้จำเลยแต่ประการใด การที่จำเลยเพทุบายให้เอาสัญญากู้เผาทิ้งเสียแต่แล้วกลับเอาหนังสืออื่นอันไม่ใช่สัญญากู้มาเผาแทนนั้น แม้จะเป็นความจริงก็เป็นการหลอกเพื่อไม่ให้ต้องคืนหลักฐานแห่งการกู้แก่โจทก์ต่างหาก การกระทำของจำเลยตามฟ้องยังไม่เป็นมูลความผิดฐานฉ้อโกง จึงพิพากษายืน