คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4486/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ถูกผู้ตายข่มเหงก่อน จำเลยทั้งสามจึงปรึกษาวางแผนทำร้ายผู้ตายโดยมี ป. ร่วมอยู่ด้วยและทราบดีถึงการวางแผนดังกล่าวต่อมาเมื่อผู้ตายลุกออกจากวงสุรา จำเลยทั้งสามก็ตามไปรุมชกต่อยผู้ตาย และ ป. ใช้มีดแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้วพากันหลบหนีไปเช่นนี้ ถือได้ว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกับ ป. ฆ่าผู้ตาย จำเลยทั้งสามจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา83, 288 และริบของกลาง จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้ตาย แต่ปฏิเสธข้อหาฆ่าผู้ตาย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 83 จำคุกคนละ 3 ปี คำให้การชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 ปี ริบมีดของกลาง ข้อหาอื่นให้ยกโจทก์และจำเลยทั้งสามอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 จำคุกจำเลยคนละ 20 ปี คำให้การชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสี่ คงจำคุกจำเลยคนละ 15 ปี มีดของกลางคงให้ริบจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีข้อวินิจฉัยตามที่จำเลยทั้งสามฎีกาโต้แย้งว่า การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้ตายตามที่จำเลยทั้งสามนำสืบต่อสู้หรือไม่จำเลยทั้งสามให้การรับและนำสืบว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้ลุกจากกลุ่มพวกที่ร่วมวงสุราอยู่เข้ามาทำร้ายจำเลยที่ 1 อันเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 โกรธแค้นและได้ร่วมกับพวกวางแผนทำร้ายผู้ตายขณะเดินออกจากวงสุรา โดยจำเลยทั้งสามมีเจตนาเพียงใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้ตายเท่านั้น แต่ขณะชุลมุนในการต่อสู้ นายสัจจาหรือแป๊ะเพื่อนของนายใหญ่ที่ร่วมวงสุรากับจำเลยทั้งสามได้เข้ามาช่วยและใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายโดยจำเลยทั้งสามมิได้ร่วมรู้เห็นด้วยเห็นว่า ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่านายแป๊ะผู้นี้มีสาเหตุอันใดกับผู้ตาย แต่กลับได้ความถึงเหตุที่จำเลยทั้งสามวางแผนทำร้ายผู้ตายก็เพื่อเป็นการแก้แค้นที่จำเลยที่ 1 ถูกผู้ตายข่มเหงก่อน ทั้งจำเลยทั้งสามได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า ในการปรึกษาวางแผนทำร้ายผู้ตายนายแป๊ะก็ร่วมอยู่ด้วยและทราบดีถึงการวางแผนร่วมกันปรากฏตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามเอกสารหมาย จ.10-จ.12โดยเหตุผลดังกล่าว จึงเชื่อว่านายแป๊ะได้ร่วมกับจำเลยทั้งสามทำร้ายผู้ตายในขณะเกิดเหตุด้วย มิฉะนั้นแล้วคงไม่ปรากฏรอยคราบโลหิตที่กางเกงและรองเท้าของจำเลยที่ 1, ที่ 2 ซึ่งถูกร้อยตำรวจเอกทวีเกียรติ อมรพันธุ์ จับกุมได้ขณะหลบหนีหลังเกิดเหตุและยึดไว้เป็นของกลาง ทั้งในชั้นสอบสวนเมื่อจำเลยทั้งสามนำชี้สถานที่เกิดเหตุยังได้นำชี้มีดปลายแหลมซึ่งร้อยตำรวจโทพิชัย เพ็งสาธร พนักงานสอบสวนได้ยึดไว้เป็นของกลางตามภาพถ่ายหมาย จ.7 ภาพที่ 6, 8อันเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกับนายสัจจาหรือแป๊ะใช้กำลังและอาวุธมีดแทงทำร้ายผู้ตายจนถึงแก่ความตายในคืนเกิดเหตุการกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตาย”
พิพากษายืน

Share