คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4480/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดาโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินโจทก์ครอบครองสืบสิทธิต่อจากบิดาในฐานะผู้อาศัย เจ้าของที่ดินได้ขอออกโฉนดและโอนกรรมสิทธิ์ต่อมาจนถึงจำเลยซึ่งยังคงปล่อยให้โจทก์อยู่ต่อมา เป็นเรื่องของการให้อยู่อาศัยในฐานะเป็นญาติตามที่เคยเป็นมาสมัยบิดาโจทก์ ตราบใดที่โจทก์ไม่บอกกล่าวไปยังเจ้าของที่พิพาทว่าไม่ยึดถือที่พิพาทแทนผู้เป็นเจ้าของอีกต่อไป โจทก์จะอ้างการครอบครองปรปักษ์เหนือที่พิพาทยันจำเลยไม่ได้ที่พิพาทไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๓๖ ตำบลย่านยาว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี มีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เดิมเป็นของปู่และย่าโจทก์ปู่และย่าโจทก์แบ่งให้บิดาโจทก์และบุตรคนอื่นครอบครองเป็นส่วนสัด เมื่อบิดาโจทก์ตาย โจทก์ได้เข้าครอบครอง ต่อมาทางราชการออกโฉนดที่ดินดังกล่าวทั้งแปลงมีชื่อนายอยู่บุตรคนหนึ่งของปู่และย่าโจทก์และมีการโอนกรรมสิทธิ์หลายคนจนถึงจำเลย แต่คงครอบครองตามเนื้อที่ที่นายอยู่ได้รับ โจทก์ครอบครองที่ดินดังกล่าวเนื้อที่ ๓ ไร่ ๒ งานโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมา ๕๐-๖๐ ปี จนได้กรรมสิทธิ์แล้ว ต่อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกกล้วย ๘ ต้น มะพร้าว ๑ ต้น ในที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์และอ้างสิทธิเป็นเจ้าของ ขอให้พิพากษาว่าที่ดินเนื้อที่ ๓ ไร่ ๒ งาน ทางด้านทิศตะวันตกของที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๓๖ เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ให้จำเลยรื้อถอนต้นกล้วยและต้นมะพร้าวออกไปจากที่ดินโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ปู่และย่าโจทก์ยกที่ดินโฉนดดังกล่าวให้นายอยู่แต่ผู้เดียว บุตรคนอื่นอยู่ในฐานะผู้อาศัยโดยนายอยู่ยินยอมให้พี่น้องอยู่อาศัยต่อมาเฉพาะบิดาโจทก์อาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกของที่ดิน เมื่อนายอยู่ตาย นางหน่ายรับมรดกต่อมาแล้วยกให้นางสาวปุย เมื่อนางสาวปุยตาย จำเลยรับโอนเป็นมรดกต่อมา จำเลยยินยอมให้โจทก์และญาติพี่น้องอยู่อาศัย ก่อนฟ้องโจทก์ขอที่ดินจำเลย จำเลยไม่ให้โจทก์ไม่พอใจ จึงนำคดีมาฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง จำเลยไม่ประสงค์ให้โจทก์และบริวารอยู่ในที่ดินของจำเลยอีกต่อไป ขอให้พิพากษาว่าที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๓๖ ดังกล่าวเป็นของจำเลย ให้โจทก์และบริวารรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินจำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า บิดาโจทก์และโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมาหลายสิบปีจนบัดนี้ จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินเนื้อที่ ๓ ไร่ ๒ งาน ตามฟ้อง โจทก์ไม่เคยอาศัยจำเลยหรือผู้ใด จำเลยเคยจะยกที่ดินส่วนที่พิพาทให้แล้วก็เพิกเฉย ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์และบริวารรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโฉนดดังกล่าว ห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินทั้งแปลงเดิมเป็นของปู่และย่าโจทก์ได้ยกให้นายอยู่บุตรคนหนึ่ง ต่อมานายอยู่ได้ขอออกโฉนดสำหรับที่ดินทั้งแปลง เมื่อนายอยู่ตายนางหน่ายรับมรดกแล้วยกให้นางสาวปุย เมื่อนายสาวปุยตาย จำเลยรับมรดกแทนที่ บิดาโจทก์อยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของนายอยู่น้องชายผู้เป็นเจ้าของที่ดิน โจทก์ครอบครองที่พิพาทฝโดยสืบสิทธิต่อจากบิดาในฐานะผู้อาศัย แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า บิดาโจทก์อยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของนายอยู่น้องชายผู้เป็นเจ้าของที่ดิน โจทก์ครอบครองที่ต่อมาในฐานะผู้อาศัย การที่นายอยู่ นางหน่าย นางสาวปุยและจำเลยปล่อยให้มารดาโจทก์และโจทก์อาศัยอยู่ในที่พิพาทต่อมาโดยไม่ว่ากล่าว เป็นเรื่องของการให้อยู่อาศัยในฐานะเป็นญาติตามที่เคยเป็นมาสมัยบิดาโจทก์ ตราบใดที่โจทก์ไม่บอกกล่าวไปยังเจ้าของที่พิพาทว่า โจทก์ไปยึดถือที่พิพาทแทนผู้เป็นเจ้าของอีกต่อไปโจทก์จะอ้างการครอบครองปรปักษ์เหนือที่พิพาทยันจำเลยหาได้ไม่ ที่พิพาทไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์
พิพากษายืน

Share