แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
“ความเห็นแย้ง” ตามความในมาตรา 248 แห่ง ป.วิ. พ. หมายความถึงความเห็นแย้งเกี่ยวแก่ข้อเท็จจริง
ถ้ามีความเห็นแย้งเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย คู่ความจะฎีกาเถียงข้อเท็จจริงไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของร่วมในที่ดินโฉนดที่ ๖๖๗๑ จังหวัดอยุธยา จำเลยที่ ๑ ได้มาอาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่งอกรายนี้ของโจทก์ และจำเลยที่ ๒ ก็ได้มาอาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่ดินในโฉนดส่วนของโจทก์อีก ต่อมาจำเลยไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่า จำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินที่งอกจากโฉนดที่ ๖๖๗๑ ของโจทก์ ่จึงขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารกับให้จำเลยรื้อเรือนออกไป
จำเลยทั้งสองให้การต้องกันว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยโดยครอบครองอย่างเป็นเจ้าของมาเกิน ๑๐ ปีแล้ว
วันนัดดูแผนที่กลาง โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ ๒
ระหว่างพิจารณา โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะในคำเบิกความของนายหรุ่นคนกลางว่า ถ้านายหรุ่นเบิกความว่านายอ่ำหรือนางพลับได้ยกที่พิพาทให้โจทก์ก็ให้ศาลพิพากษาชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แต่ถ้านางหรุ่นว่านายอ่ำหรือนางพลับไม่ได้ยกที่พิพาทให้กับโจทก์แล้ว ก็ให้ศาลชี้ขาดพิพากษาว่าที่ดินเฉพาะตอนพิพาทเป็นของจำเลย
ศาลชั้นต้นสืบนางหรุ่นแล้ว วินิจฉัยว่า ตามคำเบิกความของนายหรุ่นพยานว่า นายอ่ำและนางพลับไม่ได้ยกที่พิพาทให้แก่โจทก์ ต้องชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยตามคำท้า พิพากษาว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่เป็นของโจทก์ตามคำท้า ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่โจทก์จำเลยท้ากันเช่นนี้ ไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายมีผลใช้บังคับได้ และปรากฏว่านางหรุ่นเบิกความว่า ก่อนนายอ่ำนางพลับตาย ไม่ได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่ใคร ซึ่งต้องหมายถึงว่าไม่ได้ยกให้โจทก์ด้วย โจทก์จึงต้องแพ้คดีตามคำท้า พิพากษายืน
แต่มีผู้พิพากษานายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่า ถ้าการท้าเปลี่ยนประเด็นแห่งคดีอาศัย ป.วิ.พ. มาตรา ๑๓๘ ให้อำนาจศาลพิพากษาไม่ได้แล้ว ก็ชอบที่จะให้ดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามประเด็นแห่งคำคู่ความต่อไป
โจทก์ฎีกาว่า
(๑) ศาลจะวินิจฉัยว่า จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทด้วยไม่ชอบ เพราะเกินคำขอ โดยจำเลยมิได้ฟ้องแย้ง
(๒) คำท้าของคู่ความในคดีนี้ ขัดต่อกฎหมาย ไม่มีผลบังคับ เพราะเป็นการตั้งประเด็นใหม่นอกเหนือคำคู่ความ
(๓) ่ข้อเท็จจริงที่ศาลฟังจากคำเบิกความของนางหรุ่นก็ยังไม่ได้ความตามคำท้า
สำหรับฎีกาข้อ (๑) ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความจริงคำพิพากษาที่บังคับคดีของศาลชั้นต้นก็มีเพียงว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่เป็นของโจทก์ตามคำท้า ให้ยกฟ้องโจทก์เท่านั้น จึงไม่ใช่พิพากษาเกินคำขอ
ฎีกาข้อ (๒) ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อตกลงเช่นนั้นไม่ขัดต่อกฎหมาย
ส่วนฎีกาในประเด็นข้อ (๒) เป็นฎีกาที่โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลทั้งสองฟังต้องกันมาแล้วว่า นางหรุ่นได้เบิกความว่า ก่อนนายอ่ำ นางพลับตาย ไม่ได้เจตนาจะให้ที่ดินแปลงนี้แก่ใคร และไม่ได้พูดยกที่ดินแปลงนี้ให้แก่ใคร ซึ่งต้องหมายความว่าไม่ได้ยกให้แก่โจทก์ด้วย โจทก์จะฎีกาเกินข้อเท็จจริงไม่ได้ คดีนี้ทุนทรัพย์ ๑,๐๐๐ บาท ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๔๘ เพราะคดีนี้แม้ในชั้นศาลอุทธรณ์จะมีความเห็นแย้งก็เป็นการแย้งในเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย หาได้มีความเห็นแย้งเกี่ยวแก่ข้อเท็จจริงด้วยไม่
พิพากษายืน