แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส โดยลักษณะอันธพาล ไม่ควรรอการลงโทษ
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 256 โดยกล่าวว่า จำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายนายย่งกัง หรือเอี่ยวกัง มีบาดเจ็บสาหัสเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2497 ที่ตำบลลุมพินี อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร
จำเลยให้การต่อสู้ว่า ผู้เสียหายกับพวกกลุ้มรุมทำร้ายจำเลย ๆจึงต้องต่อสู้ป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ฟังว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายนายย่งกังมีบาดเจ็บสาหัสจริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 256 ให้จำคุกจำเลยคนละ 2 ปี ลดโทษตามมาตรา 59ให้คนละ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้คนละ 1 ปี 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยสมคบถันทำร้ายผู้เสียหายมีบาดเจ็บสาหัสจริง แต่เห็นสมควรรอการลงโทษจำเลย จึงพิพากษาแก้ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 3 ไว้คนละ 3 ปี
โจทก์ฎีกาขอไม่ให้รอการลงโทษจำเลย แต่ส่งสำเนาฟ้องฎีกาให้จำเลยไม่ได้ เพราะหาตัวไม่พบ
ศาลฎีกาได้ประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว ข้อเท็จจริงคงฟังว่าในคืนวันเกิดเหตุจำเลยทั้ง 3 ได้สมคบกันกลุ้มรุมทำร้ายนายย่งกังมีบาดเจ็บถึงซี่โครงหัก 2 ซี่ นายย่งกังต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลโดยทำการงานตามปกติไม่ได้ 24 วัน และต้องรักษาตัวกว่าจะหายสนิทกินเวลาประมาณ 80 วัน ความผิดของจำเลยจึงต้องด้วยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 256 (อันมีอัตราโทษเบากว่าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297) ดังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วางบทมา
ปัญหามีว่าควรรอการลงโทษจำเลยดังที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีเรื่องนี้เดิมจำเลยมีข้อโกรธเคืองอยู่กับผู้เสียหาย และนายเยี้ยงจำเลยเคยชกผู้เสียหายจนถูกปรับไปครั้งหนึ่งแล้วในวันเกิดเหตุผู้เสียหายนั่งรถสามล้อจะไปเที่ยวงานรัฐธรรมนูญ จำเลยกับพวกนั่งรถมาทางเดียวกัน รถที่นั่งต้องมาหยุดเพราะติดขบวนเสด็จแล้วนายเอี๋ยวจำเลยได้ลงจากรถเดินมาตบหน้าผู้เสียหายซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถ 1 ที ผู้เสียหายถามว่าตบหน้าทำไมนายเอี๋ยวตอบว่าตบเล่นและท้าว่า ไม่ชอบใจก็ลงมาตีกับเตี่ยลื้อแต่ผู้เสียหายก็ไม่ต่อสู้ ครั้นรถผู้เสียหายแล่นต่อมาจนสุดทางที่จะไปได้แล้ว ผู้เสียหายก็ลงจากรถเพื่อจะเดินไป รถจำเลยกับพวกก็มาถึงนายเอี๋ยวจำเลยลงรถมาชกต่อยผู้เสียหายอีก นายเล็ก นายเยี้ยง จำเลยก็เข้ามาเตะต่อยผู้เสียหายด้วย ผู้เสียหายล้มลงไป จำเลยทั้งสามได้เข้ากลุ้มรุมทำร้ายเตะต่อยผู้เสียหายจนกรรมกรสามล้อเข้ามาห้ามจำเลยจึงเลิกไปและในระหว่างที่จำเลยได้ประกันตัวไปจากศาลในคดีนี้ นายเล็กจำเลยก็ยังได้ชกผู้เสียหายในร้านของนายเฮียะกวงอีกครั้งหนึ่ง พฤติการณ์เป็นดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยทั้งสามนี้เป็นคนอันธพาล ไม่สมควรที่จะรอการลงโทษจำเลยดังที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามา
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามไปทีเดียวตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น