แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๕๐/๒๕๕๗ เรื่อง ให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม ลงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ข้อ ๑ กำหนดให้คดีที่มีข้อหาว่ากระทำความผิดฐานมีหรือใช้อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียม อาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ ไม่ว่าจะมีข้อหาว่ากระทำผิดอย่างอื่นด้วยหรือไม่ เป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษา โดยมิได้กำหนดลักษณะข้อหาความผิดอย่างอื่นที่ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาด้วยไว้โดยชัดแจ้ง แต่เมื่อประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าวมีเจตนารมณ์ตามคำปรารภในประกาศให้การกระทำความผิดฐานมีหรือใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้อยู่ในอำนาจศาลทหาร แม้ว่าผู้กระทำความผิดจะเป็นพลเรือน เนื่องจากความผิดฐานดังกล่าวเป็นความผิดที่มีเหตุผลพิเศษเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศและความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงควรดำเนินการด้วยความเด็ดขาด ให้ได้ผลเพื่อความมั่นคงของประเทศและความสงบสุขของประชาชน ข้อหาความผิดอย่างอื่นที่โจทก์ฟ้องรวมกันมากับข้อหาความผิดฐานมีหรือใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ที่จะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทหารตามบทบัญญัติดังกล่าว จึงต้องมีความเกี่ยวโยงกับการ กระทำความผิดฐานมีหรือใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ อันเป็นข้อหาความผิดหลักที่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับดังกล่าวกำหนดให้อยู่ในอำนาจศาลทหารเมื่อคดีนี้ข้อหาความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองตามฟ้องข้อ ง. ศาลทหารและศาลยุติธรรมมีความเห็นพ้องกันว่าอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทหาร ข้อหาดังกล่าวจึงเป็นอันยุติไป ส่วนข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร และฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามฟ้อง ข้อ ก. ข. และ ค. ซึ่งศาลทหารและศาลยุติธรรมมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลนั้น เห็นว่า ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ความผิดตามฟ้องข้อ ก. ข. และ ค. เกิดขึ้นก่อนความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองตามฟ้องข้อ ง. โดยเป็นความผิดคนละกรรมกันและการกระทำความผิดทั้งสามฐานดังกล่าวมิได้มีความเกี่ยวโยงกันกับความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ดังนั้น ความผิดข้อหาฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร และฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จึงไม่อยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษาตามประกาศคณะรักษา ความสงบแห่งชาติฉบับที่ ๕๐/๒๕๕๗ แต่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม