แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า อายุความให้เริ่มนับตั้งแต่ปี 2536 เพราะกองนิติการของโจทก์ได้รับข้อมูลครบถ้วนว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำละเมิด แต่โจทก์อุทธรณ์โต้แย้งว่า ควรเริ่มนับอายุความเมื่ออธิบดีของโจทก์ทราบ มิใช่เริ่มนับแต่กองนิติการของโจทก์ทราบ ดังนี้ การอุทธรณ์ว่าอายุความควรเริ่มนับเมื่อใดจึงจะถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินอันเนื่องจากจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์จำนวน 32,742.84 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 18,720 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ คืนคำขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้โจทก์ ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมนอกนั้นให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า กองนิติการของโจทก์ได้รับข้อมูลและหลักฐานครบถ้วนสามารถสรุปข้อเท็จจริงที่จะดำเนินคดีแก่ผู้ต้องรับผิดเพื่อให้อธิบดีโจทก์ลงนามดำเนินคดีต่อไปได้โดยเร็วตั้งแต่ปี 2536 แล้ว ถือว่าโจทก์ทราบถึงการทำละเมิดและผู้กระทำละเมิดอันพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่ปี 2536 แล้ว แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2545 ซึ่งพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่รู้ตัวผู้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ศาลชั้นต้นจึงพิพากษายกฟ้องเนื่องจากคดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่ง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ชอบหรือไม่ พิเคราะห์อุทธรณ์ของโจทก์แล้ว ปรากฏว่าโจทก์อุทธรณ์ว่า คดีของโจทก์ยังไม่ขาดอายุความเนื่องจากโจทก์มาฟ้องคดีนี้ในกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่รู้ตัวผู้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยอ้างว่าผู้อำนวยการกองนิติการไม่ใช่ผู้แทนนิติบุคคล แม้กองนิติการของโจทก์จะรู้ตัวผู้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่ปี 2536 แต่จะเริ่มนับอายุความตั้งแต่ปี 2536 ไม่ได้ เนื่องจากผู้แทนนิติบุคคลของโจทก์คืออธิบดีของโจทก์รู้ถึงการทำละเมิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2544 มิใช่รู้ตั้งแต่ปี 2536 เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า อายุความให้เริ่มนับตั้งแต่ปี 2536 เพราะกองนิติการของโจทก์ได้รับข้อมูลครบถ้วนว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำละเมิด แต่โจทก์อุทธรณ์โต้แย้งว่าควรเริ่มนับอายุความเมื่ออธิบดีของโจทก์ทราบ มิใช่เริ่มนับแต่กองนิติการของโจทก์ทราบ ดังนี้ การอุทธรณ์ว่าอายุความควรเริ่มนับเมื่อใดจึงจะถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย มิใช่อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง โจทก์ย่อมอุทธรณ์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ โดยเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาโดยให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาและพิพากษาตามรูปคดีต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่