คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4473/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายเคยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในการกระทำความผิดเดียวกันกับคดีนี้จนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แม้คดีดังกล่าวจะอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ก็ถือได้ว่าความผิดของจำเลยซึ่งได้ฟ้องนั้นได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้ว สิทธิของพนักงานอัยการโจทก์ที่จะนำคดีอาญาฟ้องจำเลยในความผิดเกี่ยวกับเช็คพิพาทรายเดียวกับคดีก่อนจึงระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำเลยให้การว่า คดีหมายเลขดำที่ ช.175/2530 หมายเลขแดงที่ ช.4666/2530 ระหว่างนางสาวนภาพร ธัญญานุรักษ์ โจทก์ นายสมาน วงศ์พาเรือง จำเลยของศาลชั้นต้น กับคดีนี้เป็นเรื่องเดียวกันและมูลคดีเดียวกันซึ่งผู้เสียหายคดีนี้ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ที่พนักงานอัยการโจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง เมื่อศาลชั้นต้นสอบถามคำให้การจำเลยแล้ว โจทก์แถลงยอมรับว่า ผู้เสียหายเคยฟ้องจำเลยและศาลพิพากษายกฟ้องไปแล้วตามสำเนาคำพิพากษาท้ายคำให้การจริงแต่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีนี้ได้คำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้องแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)จึงให้จำหน่ายคดี โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า นางสาวนภาพร ธัญญานุรักษ์ ผู้เสียหายเคยนำเช็คพิพาทคดีนี้ไปฟ้องจำเลยฐานความผิดออกเช็คโดยเจตนาที่จะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค คดีนั้นศาลได้พิพากษายกฟ้องตามคดีหมายเลขแดงที่ ช.4666/2530 ของศาลชั้นต้นขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้คดีดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ปัญหาที่ต้องพิจารณาจึงมีว่าสิทธินำคดีนี้มาฟ้องของโจทก์ระงับไปดังคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองหรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่าตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับสิ้นไปเมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง หมายถึงว่าคำพิพากษานั้นถึงที่สุด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงได้อีก แต่คดีหมายเลขแดงที่ ช.4666/2530 ของศาลชั้นต้นยังอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ คำพิพากษาของศาลชั้นต้นยังไม่เสร็จเด็ดขาดโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้นั้น เห็นว่า คดีนี้ซึ่งเป็นคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในการกระทำความผิดเดียวกันกับคดีนี้จนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แม้คดีจะยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ก็ถือได้ว่าความผิดของจำเลยซึ่งได้ฟ้องนั้นมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้ว ดังนั้นแม้ผู้เสียหายจะร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับจำเลยภายในอายุความตามกฎหมาย พนักงานอัยการโจทก์ก็หมดสิทธิที่จะฟ้องจำเลยในความผิดเกี่ยวกับเช็คพิพาทรายเดียวกับคดีก่อนอีก มิฉะนั้นแล้วการกระทำกรรมเดียวของจำเลยจะต้องถูกพิจารณาพิพากษาเป็นซ้ำสองซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
พิพากษายืน

Share