แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับภรรยาโต้เถียงกัน แล้วจำเลยใช้ไม้ไผ่ซึ่งมีขนาดโตกว่าหัวแม่มือนิดหน่อย ยาวประมาณ 1 วา ตีภรรยา แต่ตีหนักมือไป ทำให้พลากไปถูกนางบุญลืมซึ่งภรรยาของจำเลยยืนเกาะหลังอยู่ถึงแก่ความตาย เมื่อภรรยาจำเลยหนีไปแล้ว จำเลยก็มิได้ตีซ้ำอีก ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยกระทำโดยไม่รู้สำนึกในการกระทำ และมิได้ประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลว่านางบุญลืมอาจถึงแก่ความตายเพราะการกระทำของจำเลยได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๐๘ จำเลยบังอาจใช้ไม้ไผ่กลมโตขนาดด้ามไม้กวาด ยาวประมาณ ๑ วา เป็นอาวุธตีนางสังวาลย์ภรรยาของจำเลยซึ่งแอบนางบุญลืม สุภัคตะ อยู่แต่จำเลยได้ตีพลาดไปถูกนางบุญลืมหลายแห่ง เป็นเหตุให้นางบุญลืมได้รบอันตราแก่กายสาหัสและถึงแก่ความตายในวันนั้นเอง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๖๐ และริบไม้ไผ่ของกลาง
จำเลยให้การว่า จำเลยตีนางสังวาลย์ภรรยาของจำเลยจริง แต่ไม้ที่ตีไม่ได้ถูกนางบุญลืม นางบุญลืมตายเพราะเป็นลม และต่อสู้ว่าตำรวจรถไฟไม่มีอำนาจสอบสวนคดีนี้
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยใช้ไม้ไผ่ของกลางตีนางสังวาลย์และไม้ที่ตีถูกนางบุญลืม นางบุญลืมตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกตีจริงดังโจทก์ฟ้อง และฟังว่าที่ที่เกิดเหตุคดีนี้อยู่ในเขตของการรถไฟ ตำรวจรถไฟมีอำนาจสอบสวนคดีนี้ได้ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๖๐ ให้จำคุกจำเลยไว้ ๑๕ ปี ริบไม้ไผ่ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดเพียงฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐ ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๗ ปี นอกจากที่แก้ไขให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่าสาเหตุในเบื้องต้น เนื่องจากจำเลยกับนางสังวาลย์สามีภรรยาได้โต้เถียงกันเรื่องกล้วยที่เก็บไว้ในที่พักได้หายไป จำเลยเกิดโมโห จึงใช้ไม้ตีนางสังวาลย์ แต่ตีหนักมือไป จึงทำให้ถูกนางบุญลืมในขณะที่นางสังวาลย์เกาะหลังอยู่ถึงแก่ความตาย ไม่ปรากฏว่านางสังวาลย์และนางบุญลืมมีสาเหตุอันใดกับจำเลยมาก่อน ที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าคนทั้งสองให้ถึงแก่ความตาย ประกอบกับไม้ไผ่ที่จำเลยใช้ตีปรากฏตามคำร้อยตำรวจโทวัลลภพนักงานสอบสวนพยานโจทก์ว่าโตกว่าหัวแม่มือนิดหน่อย และดูตามภาพถ่ายที่โจทก์ส่งศาลก็ไม่ใหญ่โตนัก เมื่อนางสังวาลย์หนีไปแล้ว จำเลยก็มิได้ตีนางบุญลืมซ้ำอีก เหตุต่าง ๆ เหล่านี้บ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยกระทำโดยไม่รู้สำนึกในการกระทำ และมิได้ประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลว่า นางบุญลืมอาจถึงแก่ความตายเพราะการกระทำของจำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยจึงพิพากษายืน.