แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันซื้อที่ดินมาจัดสรรแบ่งขายเป็นแปลง ๆ ด้วยความประสงค์ที่จะหากำไรมาแบ่งปันกัน เป็นการกระทำที่เป็นหุ้นส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012
การที่หุ้นส่วนของจำเลยยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินและยอมรับเงินนั้นไว้ เมื่อได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาของการค้าของห้างหุ้นส่วน จำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนางนกแก้วได้ทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินบางส่วนให้แก่โจทก์ โดยตกลงกันว่าเนื้อที่ที่แน่นอนให้ถือตามโฉนดที่แบ่งแยกแล้ว ให้คิดเงินตามจำนวนที่ดินที่แน่นอน จะโอนกรรมสิทธิ์เมื่อแบ่งแยกโฉนดแล้ว ที่ดินส่วนที่จะซื้อขายกันนี้ได้แบ่งแยกโฉนดเสร็จแล้ว มีเนื้อที่ ๒๙.๕ ตารางวา คิดเป็นเงิน ๑๑,๘๐๐ บาท โจทก์ได้ผ่อนส่งไปแล้วเป็นเงิน ๘,๘๐๐ บาท คงเหลืออีก ๓,๐๐๐ บาท จำเลยสัญญาว่าจะลดให้ ๑๐% โจทก์จึงต้องชำระอีกเพียง ๒,๗๐๐ บาท กับชำระค่าทำถนนอีก ๑,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๓,๗๐๐ บาท โจทก์นัดให้จำเลยกับนางนกแก้วไปรับเงินและโอนกรรมสิทธิ์ ถึงวันนัดจำเลยไม่ยอมโอนส่วนนางนกแก้วยอมโอนให้แก่ผู้รับช่วงจากโจทก์และรับเงินส่วนของนางนกแก้วไปแล้ว ขอให้ศาลบังคับจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์ผิดนัดเกิน ๓ งวด จำเลยถือว่าโจทก์ผิดสัญญาได้บอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้ว จำเลยมีสิทธิริบเงินที่ชำระไปแล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยกับนางนกแก้วทำการเป็นหุ้นส่วนกัน การที่นางนกแก้ว ยอมรับเงินจากโจทก์และโอนที่ดินนั้นเป็นการผูกพันจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๐๕๐ พิพากษาให้จำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระเงินอีกเพียง ๑,๘๕๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ยังค้างชำระเงินแก่จำเลยอีก ๓,๔๐๐ บาท ไม่ใช่ ๑,๘๕๐ บาท จึงพิพากษาแก้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่า นางนกแก้วกับจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทร่วมกัน การที่นางนกแก้วผู้เดียวยินยอมตกลงรับเงินผ่อนชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้ง ๕ งวดจากโจทก์ ในเมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาแล้วประการหนึ่ง และยินยอมให้โจทก์ขายช่วงที่ดินพิพาทไปอีกประการหนึ่งนั้น จำเลยไม่ได้ตกลงรู้เห็นยินยอมด้วยจึงไม่ผูกพันถึงจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิย์ มาตรา ๑๓๕๘ ข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยกับนางนกแก้วได้ตกลงร่วมกันจัดการซื้อที่ดินโฉนดที่ ๑๕๙๑ มาจัดสรรแบ่งขายเป็นแปลง ๆ ด้วยความประสงค์ที่จะหากำไรในกิจการที่ทำนั้นมาแบ่งปันกัน กิจการที่จำเลยและนางนกแก้วกระทำไปนี้จึงเป็นการกระทำที่เป็นหุ้นส่วนกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๑๒ การที่นางนกแก้วรู้เห็นยินยอมให้โจทก์ขายช่วงและยินยอมรับเงินจากโจทก์ดังกล่าวนั้น นางนกแก้วได้จัดทำไปในทางที่เป็นธรรมดาการค้าของห้างหุ้นส่วน จำเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมกันกับนางนกแก้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๕๐ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีมาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.