คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4464/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์พา ส.ซึ่งถูกยิงไปโรงพยาบาลโดยมีจำเลยที่ 2 นั่งซ้อนท้ายไปด้วย เมื่อถึงบ้านมารดาจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 นำอาวุธปืนสั้น 2 กระบอกของ ส.จากเอวของส.โยนทิ้งไว้หน้าบ้านนั้น เช่นนี้อาวุธปืนดังกล่าวอยู่กับส.ตลอดมาไม่ได้อยู่ในครอบครองของจำเลยทั้งสองเลย ถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนดังกล่าวไว้ในครอบครอง และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยมิได้รับอนุญาต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83, 91, 32, 33 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519ข้อ 3, 6, 7 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83, 32, 33 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72 วรรคแรก, 72 ทวิวรรคสอง คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 เรียงกระทงลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจำคุกคนละ 16 ปี ฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวโดยมิได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 18 ปี คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 12 ปี ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ส่วนอาวุธปืนของกลางเป็นทรัพย์ที่ผู้ใดมีไว้เป็นความผิดให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกับสิบเอกสุทินฆ่าผู้ตายหรือไม่จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยทั้งสองนำอาวุธปืนของกลางทั้ง 2 กระบอกไปทิ้งที่บ้านมารดาจำเลยที่ 1 และมารดาจำเลยที่ 1 ได้นำไปฝังดินไว้ ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนดังกล่าวไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยมิได้รับอนุญาตนั้นพยานโจทก์มีเพียงคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองเอกสารหมายปจ.3 และ ปจ.4 ของศาลจังหวัดชุมพรเท่านั้น แต่ตามคำให้การของจำเลยที่ 2 เอกสารหมาย ปจ.4 ดังกล่าวระบุว่า จำเลยที่ 2 เอาอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกดังกล่าวจากเอวของสิบเอกสุทินไปทิ้งไว้บนพื้นดินหน้าบ้านมารดาจำเลยที่ 1 แสดงให้เห็นว่า อาวุธปืนดังกล่าวอยู่กับสิบเอกสุทินตลอดมา ไม่ได้อยู่ในครอบครองของจำเลยทั้งสองเลย การที่จำเลยที่ 2 เอาอาวุธปืนดังกล่าวไปโยนทิ้งที่บ้านมารดาจำเลยที่ 1 ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนดังกล่าวไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยมิได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share