แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา4ได้ให้คำนิยามของคำว่า”ขาย”ให้หมายความรวมถึงจำหน่ายจ่ายแจกแลกเปลี่ยนส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขายเห็นได้ว่าการขายเมทแอมเฟตามีนตามบทบัญญัติดังกล่าวหาได้มีความหมายเฉพาะการขายกันโดยตรงเท่านั้นไม่การจ่ายแจกแลกเปลี่ยนส่งมอบแก่กันไม่ว่าจะกระทำในลักษณะอย่างไรและโดยจุดประสงค์ใดจะเป็นเพื่อการค้าหรือไม่ก็อยู่ในความหมายของคำว่า”ขาย”ตามมาตรา4นี้ทั้งสิ้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อแจกแก่ลูกน้องการ”แจก”หรือการ”ขาย”การมีไว้เพื่อ”แจก”ก็คือการมีไว้เพื่อ”ขาย”หรือเพื่อจำหน่ายจำเลยจึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขาย จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพียง3เม็ดไม่น่าจะมีปริมาณเกิน0.500กรัมตามที่รัฐมนตรีกำหนดนั้นศาลอุทธรณ์ภาค3พิพากษาแก้พิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา13ทวิวรรคหนึ่ง,89เพียงกรรมเดียวบทเดียวไม่ได้พิพากษาลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเกินประมาณที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา62วรรคหนึ่ง,106ทวิด้วยแต่ประการใดจึงมิใช่เป็นฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค3ในความผิดดังกล่าวศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 5, 6, 11,13 ทวิ, 62, 89, 106 ทวิ, 116 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง,62 วรรคหนึ่ง, 89, 106 ทวิ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2ตามมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 จำคุก 5 ปี คำรับของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 เพียงกรรมเดียวให้ลงโทษจำคุก 5 ปีคำรับของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าการที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองจำนวน 3 เม็ดไว้แจกจ่ายแก่ลูกน้องของจำเลยเพื่อนำไปเสพนั้นเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขายตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง หรือไม่นั้นพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4ได้ให้คำนิยามของคำว่า “ขาย” ให้หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่ายแจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย เห็นได้ว่า การขายเมทแอมเฟตามีนตามบทบัญญัติดังกล่าวหาได้มีความหมายเฉพาะการขายกันโดยตรงเท่านั้นดังที่จำเลยฎีกาไม่ การจ่าย แจก แลกเปลี่ยนส่งมอบแก่กัน ไม่ว่าจะกระทำในลักษณะอย่างไรและโดยจุดประสงค์ใดจะเป็นเพื่อการค้าหรือไม่ ก็อยู่ในความหมายของคำว่า “ขาย”ตามมาตรา 4 นี้ทั้งสิ้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อแจกแก่ลูกน้อง การ “แจก” คือ “การขาย”การมีไว้เพื่อ “แจก” ก็คือการมีไว้เพื่อ “ขาย” หรือเพื่อจำหน่ายตามฟ้องนั่นเอง จำเลยจึงมีความผิดฐานนี้ตามฟ้อง
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพียง 3 เม็ด ไม่น่าจะมีปริมาณเกิน 0.500 กรัม ตามที่รัฐมนตรีกำหนดนั้น เห็นว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89เพียงกรรมเดียวบทเดียว ไม่ได้พิพากษาลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 62 วรรคหนึ่ง,106 ทวิ ด้วย แต่ประการใด จึงมิใช่เป็นฎีกาโต้แย้งคำคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ในความผิดดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน