แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยวางเงินจำนวนหนึ่งเป็นประกันในการรับเหมา ทำการปลูปสร้างตึกแถวให้แก่บุคคลหนึ่ง แล้วจำเลยได้โอนขายสิทธิเรียกร้องในการรับเงินรายนี้ให้แก่ผู้ร้องๆ ได้แจ้งการโอนสิทธิรายนี้แก่บุคคล – นั้นก่อนมีการอายัติเงินที่วางประกันดังกล่าวแล้ว สิทธิที่จะรับเงินวางประกันคืนก็ตกมาเป็นของผู้ร้องขาดจากการเป็นสิทธิ หรือทรัพย์สินของจำเลยแล้ว เจ้าหนี้ของจำเลยย่อมไม่มีสิทธิจะทำการยึดหรืออายัติได้
ย่อยาว
คดีนี้ ผู้ร้อง ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการยึดเงิน ๔๓๕๑๖.๕๐ บาท และให้คืนให้แก่ผู้ร้อง โดยอ้างว่าจำเลย ซึ่งได้วางเงิน ๔๕๕๐๐ บาท ไว้เป็นประกันในการรับเหมาทำการปลูกสร้างตึกแถวในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้ขายสิทธิเรียกร้องในการรับเงินรายนี้ให้แก่กองมรดก และผู้ร้องได้แจ้งการโอนสิทธิรายนี้แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ผู้เป็นลูกหนีน้แล้ว ต่อมาโจทก์ได้ฟ้องจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกเงิน ซึ่งจำเลยมีสิทธิจะได้รับจากสำนักงานทรัพย์สิน ฯ และสำนักงานทรัพย์สิน ฯ ได้ส่งเงินประกันดังกล่าวมายังกองหมายในคดีนี้ แต่ยังไม่ได้เฉลี่ยระหว่างเจ้าหนี้ ผู้ร้องเห็นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจยึดเงินจำนวนนี้ เพราะไม่ใช่ทรัพย์สินของลูกหนี้ แต่เป็นทรัพย์ของมรดกนานยเล็ก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับศาลชั้นต้น ให้ถอนการยึดเงินรายนี้ ฯลฯ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีฟังได้ว่า เมื่อมีการโอนสิทธิเรียกร้องรายนี้ มิได้มีการอายัติเงินรายพิพาทนี้ดังหนังสือหมาย ร. ๔ เลย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย คดีไม่ต้องด้วย ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๕๙, ๓๐๕,(๑) และ ๓๑๔(๑) นั้น ถูกต้องแล้ว
ข้อที่ว่าการโอนสิทธิเรียกร้องรายนี้เป็นการโอนสิทธิ ซึ่งมีเงื่อนไขไม่แน่นอน เพราะเป็นเงินค่าประกันความเสียหาย ซึ่งอาจไม่ได้รับกลับคืน โดยจะต้องใช้เงินจำนวนนี้ ทำสิ่งปลูกสร้างให้ดีตามสัญญาก็ได้นั้น เห็นพ้องด้วยศาลอุทธรณ์ว่า สิทธินี้มีอยู่อย่างไร เท่าใด ผู้รับโอนก็รับโอนไปเพียงนั้นเท่านั้น หาเป็นการไร้ผลต่อการโอนสิทธิตามกฎหมายประการใดไม่
เมื่อวินิจฉัยว่า การโอนสิทธิรายนี้ เป็นการกระทำถูกต้องตามกฎหมายแล้ว สิทธิที่จะได้รับเงินวางประกันคืน ก็ตกเป็นของผู้ร้อง ขาดจากการเป็นสิทธิหรือทรัพย์สินของจำเลยแล้ว เจ้าหนี้ของจำเลยย่อมไม่มีสิทธิจะทำการยึดหรืออายัติได้ ฯลฯ
จึงพิพากษายืน