คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4457/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การห้ามไม่ให้อุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ถือเจตนาของโจทก์เป็นสำคัญ หากโจทก์มีเจตนาที่จะให้ลงโทษจำเลยในความผิดที่มีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายให้จำคุกเกินกว่าสามปีแล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะฟังข้อเท็จจริงว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลในความผิดที่โจทก์ขอให้ลงโทษ ก็ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเฉพาะในข้อหาความผิดที่มีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายให้จำคุกเกินสามปี

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันทำให้ปรากฏข้อความอันเป็นเท็จและปลอมเอกสารสำเนาภาพถ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาราชวงศ์ จำนวน 2 ฉบับโดยเพิ่มเติมข้อความว่า “อึ้งซ้งง้ำ (ครอบครองปฏิพัทธ์เผ่าพงศ์)นายกิตติ เป็นผู้รับเงิน” และเพิ่มเติมรายชื่อบุคคลไว้ใต้ข้อความข้างต้นว่า “นายกิตติ ปฏิพัทธ์เผ่าพงศ์เด็กหญิงกรศรี ปฏิพัทธ์เผ่าพงศ์ นางสุวรรณา ปฏิพัทธ์เผ่าพงศ์”เรียงตามลำดับลงในสำเนาภาพถ่ายเช็คทั้งสองฉบับ ซึ่งตามสำเนาภาพถ่ายเช็คทั้งสองฉบับมีผู้มีชื่อลงนามรับรองในช่องตราประทับของธนาคารเจ้าของเช็ค ความจริงแล้วต้นฉบับเช็คดังกล่าวไม่มีข้อความดังกล่าว และจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันนำเอกสารดังกล่าวเข้าประกอบการถามค้านพยานโจทก์ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 9048/2535ของศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวยกฟ้อง การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิใช้เอกสารสิทธิปลอมและฐานแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาซึ่งพยานหลักฐานดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในคดี ทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 180, 83, 90, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ทั้งสองในปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีโจทก์ทั้งสองต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยหรือไม่ปัญหานี้ ตามฟ้องโจทก์ทั้งสองบรรยายว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ ใช้เอกสารสิทธิปลอมและแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา ซึ่งพยานหลักฐานดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในคดี โดยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268 และ 180เห็นว่าการห้ามไม่ให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ เป็นการตัดสิทธิคู่ความจึงต้องพิจารณาด้วยความเคร่งครัดถือเจตนาของโจทก์เป็นปัญหาสำคัญ หากโจทก์มีเจตนาที่จะให้ลงโทษจำเลยในความผิดที่มีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกเกินกว่าสามปีแล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะฟังข้อเท็จจริงว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลในความผิดที่โจทก์ขอให้ลงโทษ ก็ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเฉพาะในข้อหาความผิดที่มีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายให้จำคุกเกินกว่าสามปีสำหรับคดีนี้โจทก์ประสงค์ที่จะให้ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 และ 180 วรรคสอง ซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายให้จำคุกเกินกว่าสามปี คดีโจทก์ในฐานความผิดดังกล่าวจึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share