คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4455/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็ค เมื่อจำเลยรับว่าได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจริงเบื้องต้นต้องถือว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่จำเลยให้การว่าเป็นตัวแทนของโจทก์นำเงินของโจทก์ไปลงทุนเล่นแชร์น้ำมันกับ ช. จึงสั่งจ่ายเช็คพิพาทไว้เป็นหลักฐาน เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อที่จะไม่ต้องรับผิดตามเช็ค หน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงตกอยู่แก่จำเลย เมื่อจำเลยนำสืบฟังไม่ได้ตามที่ให้การต่อสู้ไว้ จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ คดีอาญามีผลชี้ขาดเพียงไม่มีมูลในเจตนากระทำผิดทางอาญาเท่านั้น ทั้งคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องมิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ผลแห่งคดีอาญาดังกล่าวจึงไม่ผูกพันคดีแพ่งนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 2,247,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ธนาคารตามเช็คแต่ละฉบับปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เช็คตามฟ้องทุกฉบับไม่มีมูลหนี้ต่อกัน จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้ง4 ฉบับ จำนวนเงิน 802,500 บาท 802,500 บาท 481,500 บาท และ160,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่เช็คแต่ละฉบับถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คเมื่อจำเลยรับว่าได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทดังกล่าวจริง ในเบื้องต้นต้องถือว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็ค ที่จำเลยให้การว่าเป็นตัวแทนโจทก์นำเงินของโจทก์ไปลงทุนเล่นแชร์น้ำมันกับนางชม้อย จำเลยจึงสั่งจ่ายเช็คพิพาทไว้เป็นหลักฐานนั้น เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อที่จะไม่ต้องรับผิดตามเช็คพิพาท ดังนั้น หน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงตกอยู่แก่จำเลย เมื่อจำเลยที่นำสืบมาฟังไม่ได้ตามที่จำเลยให้การต่อสู้ไว้ จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนผลแห่งคดีอาญาที่จำเลยอ้างเป็นการชี้ขาดว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลในเจตนาการกระทำทางอาญาเท่านั้น ทั้งคดีแพ่งที่ฟ้องนี้มิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ผลแห่งคดีอาญาจึงไม่ผูกพันคดีแพ่งนี้
พิพากษายืน

Share