คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4444/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซึ่งมีอาวุธมีดปลายแหลมติดตัวไปกับ ฉ. ผู้ตายฝ่ายหนึ่งกับ ส. อีกฝ่ายหนึ่ง สมัครใจเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป โดยในการชุลมุนต่อสู้ดังกล่าว ฉ. ถูกอาวุธมีดที่จำเลยนำติดตัวไปแทงถึงแก่ความตาย ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริงและบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่ให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนในการชุลมุนต่อสู้กันจะมีผู้ร่วมชุลมุนกันอีกหลายคน และผู้ร่วมชุลมุนกลุ่มใดเป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำพยานมาสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งมีอาวุธมีดปลายแหลมขนาดด้ามและตัวมีดยาวประมาณ 50 เซนติเมตร 1 เล่ม ติดตัวไปกับนายเฉลิมชัยหรือหรั่ง ชูเชิด ผู้ตายฝ่ายหนึ่งกับนายสงัดหรือปุ๋ย สนแก้ว อีกฝ่ายหนึ่งได้สมัครใจเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป โดยในการชุลมุนต่อสู้ดังกล่าวนายเฉลิมชัยถูกอาวุธมีดที่จำเลยนำติดตัวไปแทงบริเวณเหนือกระดูกไหปลาร้าด้านขวา ปากแผลกว้างประมาณ 0.5 เซนติเมตร เข้าปอด และถูกเส้นเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจ เป็นเหตุนายเฉลิมชัยถึงแก่ความตาย เจ้าพนักงานยึดได้อาวุธมีดซึ่งจำเลยใช้กระทำความผิดดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294, 33 และริบอาวุธมีดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว จำเลยกลับให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294 วรรคแรก จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าผู้เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กันมีอีกหลายคนซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง และกลุ่มใดเป็นฝ่ายก่อเหตุ จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) นั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซึ่งมีอาวุธมีดปลายแหลมติดตัวกับนายเฉลิมชัยหรือหรั่ง ชูเชิด ผู้ตาย ฝ่ายหนึ่งกับนายสงัดหรือปุ๋ย สนแก้ว อีกฝ่ายหนึ่ง สมัครใจเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป โดยในการชุลมุนต่อสู้ดังกล่าว นายเฉลิมชัยถูกอาวุธมีดที่จำเลยนำติดตัวไปแทงถึงแก่ความตาย ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริงและบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่ให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนในการชุลมุนต่อสู้กันจะมีผู้ร่วมชุลมุนกันอีกหลายคนและผู้ร่วมชุลมุนกลุ่มใดเป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำพยานมาสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share