คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินโจทก์เป็นที่ประกอบการค้าโดยปลูกอาคารให้เช่า ครบกำหนดแล้วไม่รื้อถอนไป ขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร. ผู้ร้องทั้งห้าร้องสอดเข้ามาว่าผู้ร้องเป็นผู้เช่าที่ดินพิพาทกับโจทก์ด้วย โดยจำเลยเป็นผู้ทำสัญญาในนามของจำเลยแทนผู้ร้องไว้. ผู้ร้องมิใช่เป็นบริวารของจำเลย. ดังนี้ ถือว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) ในอันที่จะร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินโจทก์เป็นที่ประกอบการค้าโดยปลูกอาคารให้เช่าครบกำหนดเช่าแล้วจำเลยไม่รื้อถอนไป แต่ส่งธนาณัติมาชำระค่าเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมรับขอให้ขับไล่จำเลยและใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การว่า เดิมนายช้อย แซ่ลิ้ม เป็นตัวแทนของจำเลยและพวกทำสัญญาเช่ากับผู้จัดการมรดกที่ดินพิพาท เมื่อโจทก์รับโอนที่พิพาทต่อมาได้ให้จำเลยเช่า และทำสัญญาเช่าแทนผู้ร้องสอดโดยจำเลยเป็นผู้เก็บค่าเช่าส่งให้โจทก์ ผู้ร้องสอดมีฐานะเป็นผู้เช่า มิใช่บริวารจำเลย จำเลยและผู้ร้องสอดเช่าที่พิพาทเพื่อปลูกห้องอยู่อาศัยมิใช่ทำการค้า การส่งเงินให้โจทก์ถือเป็นการชำระค่าเช่า จะคิดเป็นค่าเสียหายไม่ได้ เพราะจำเลยและผู้ร้องสอดอยู่โดยอาศัยสิทธิการเช่าตามกฎหมาย ผู้ร้องทั้งห้ายื่นคำร้องในวันเดียวกับที่จำเลยยื่นคำให้การขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วม อ้างว่ามิใช่บริวารของจำเลย แต่มีฐานะเป็นผู้เช่าโดยได้ให้จำเลยเป็นตัวแทนทำสัญญาเช่ากับโจทก์ในนามของจำเลยแทนผู้ร้อง ผู้ร้องจึงมีส่วนได้เสียในคดีนี้ ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ร้องทั้งห้าไม่มีส่วนได้เสียในคดีนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะเป็นคู่สัญญากับโจทก์เท่านั้นหากปรากฏว่าผู้ร้องมอบให้จำเลยไปทำสัญญาเช่าแทนจริง ก็เป็นเรื่องจะว่ากล่าวในชั้นบังคับคดีให้ยกคำร้อง ผู้ร้องทั้งห้าอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้ร้องสอดเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี เพราะเมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ตามผลกฎหมายก็จะบังคับถึงผู้ร้องสอดด้วย พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ผู้ร้องสอดทั้งห้าเข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2) และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาต่อไป โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาพิจารณาว่า ผู้ร้องสอดได้ยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วม อ้างว่ามิใช่เป็นบริวารของจำเลย แต่มีฐานะเป็นผู้เช่าที่ดินพิพาทโดยจำเลยเป็นผู้เช่าแทนไว้ โจทก์จึงจะขับไล่ผู้ร้องสอดโดยถือว่าเป็นบริวารจำเลยไม่ได้ เมื่อพิเคราะห์คำฟ้องให้การและคำร้องสอดรวมกันแล้ว เห็นว่าผู้ร้องสอดมีส่วนได้เสียในผลแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) พิพากษายืน.

Share