แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยใช้ปืนที่ขึ้นนกแล้วจ้องจะยิง ห่างจากอกผู้เสียหายเพียง 1 ศอก และยิงปืนขึ้น. แต่มีผู้อื่นจับมือจำเลยข้างที่ถือปืนให้เบนไป. แม้กระสุนปืนจะไม่ถูกผู้เสียหายก็ตาม. ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้กระทำไปโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59. แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล. จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้อาวุธปืนลูกซองพกยิงนายควร 1 นัดโดยเจตนาฆ่า แต่มีผู้ขัดขวางปัดมือจำเลยเสียก่อน กระสุนปืนจึงไม่ถูกนายควร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 จำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุกจำเลย 10 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยดึงผมผู้เสียหายให้ลุกยืนขึ้นแล้วจ้องปืนไปยังผู้เสียหายนั้น จำเลยได้กระทำไปเพราะความมึนเมาสุราแต่ความมึนเมาสุราของจำเลยไม่ถึงขนาดที่จะได้รับยกเว้นโทษตามกฎหมายปืนนี้ได้ขึ้นนกแล้ว และจะยิงผู้เสียหายห่างจากหน้าอกผู้เสียหายเพียง 1 ศอกและยิงปืนขึ้น แต่มีผู้จับมือจำเลยข้างที่ถือปืนให้เบนไปถ้ามิเช่นนั้นแล้วกระสุนปืนก็จะถูกผู้เสียหาย ดังนี้ ได้ชื่อว่าจำเลยได้กระทำไปโดยเจตนาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 แต่การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.