คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4439/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 4 ได้นิยามคำว่า “จัดหางาน” หมายความว่า”ประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางาน” เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันจัดหางานโดยใช้คำที่กฎหมายให้ความหมายไว้โดยเฉพาะ ก็เท่ากับบรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกได้ประกอบธุรกิจจัดหางาน อันถือได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาจัดหางาน ครบองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528มาตรา 30 วรรคหนึ่ง,82 แล้ว โดยมิต้องบรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพโดยทำธุรกิจด้วยการจัดหางานโดยตรงอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 6 สิงหาคม 2541 เวลากลางวันถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2541 เวลากลางวันติดต่อกัน จำเลยกับพวกอีก1 คน ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้ร่วมกันจัดหางานให้แก่นายสมชัยเตียงไธสง ซึ่งเป็นคนหางานโดยเรียกเงินจากนายสมชัยเป็นเงิน200,000 บาท เพื่อจัดหางานให้นายสมชัยไปทำงานที่ประเทศอังกฤษโดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลางอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1619/2542 ของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528มาตรา 30, 82 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1619/2542 (ต่อมาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 1778/2542) ของศาลชั้นต้น

จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง,82 ลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี 6 เดือน นับโทษจำคุกต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1778/2542 ของศาลชั้นต้น

จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกามีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ฟ้องของโจทก์ขาดองค์ประกอบอันจะเป็นความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่นั้น เห็นว่าตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 4 ได้นิยามคำว่า “จัดหางาน” หมายความว่า “ประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางาน”เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันจัดหางานโดยใช้คำที่กฎหมายให้ความหมายไว้โดยเฉพาะ ก็เท่ากับบรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกได้ประกอบธุรกิจจัดหางาน อันถือได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาจัดหางานครบองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง, 82แล้ว โดยมิต้องบรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพโดยทำธุรกิจด้วยการจัดหางานโดยตรงอีก ฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์

พิพากษายืน

Share