คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4431/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกตาม ป.พ.พ. มาตรา 426 ชอบที่จะได้รับการชดใช้จากลูกจ้างเฉพาะค่าสินไหมทดแทนที่ได้ใช้ให้แก่บุคคลภายนอกไปเท่านั้น ค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์ชดใช้แก่ทายาทของผู้ตายเป็นความผิดตามคำพิพากษาอันเกิดจากการดำเนินคดีระหว่างโจทก์กับทายาทของผู้ตายและโจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดี จึงไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนอันเป็นผลโดยตรงจากการกระทำละเมิดของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิไล่เบี้ยให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้แก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2531 เวลาประมาณ 21 นาฬิกา จำเลยขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 2ง-3130 กรุงเทพมหานคร ไปในทางการที่จ้างของโจทก์ด้วยความประมาทเลินเล่อชนนางศรีนวล ทองเดช ถึงแก่ความตาย ทายาทของผู้ตายได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีแพ่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์ใช้ค่าปลงศพและค่าขาดไร้อุปการะแก่ทายาทของผู้ตายรวมเป็นเงิน 565,100 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2532 จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ชำระเงินจำนวน 912,153 บาท ให้แก่ทายาทของผู้ตายแล้วโจทก์จึงมีสิทธิไล่เบี้ยให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ โจทก์ทวงถามแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,140,191 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 912,153 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 853,417.11 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2539 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน จำเลยไม่แก้อุทธรณ์จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์ภาค 7 รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ได้ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างด้วยความประมาทเลินเล่อชนนางศรีนวล ทองเดช ถึงแก่ความตาย ทายาทของผู้ตายฟ้องโจทก์แต่ผู้เดียวในฐานะนายจ้างให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 565,100 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2532 จะกว่าจะชำระเสร็จ และให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทน มีปัญหาตามฎีกาโจทก์เพียงประการเดียวว่า จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมจำนวน 58,735.89 บาท ที่โจทก์ได้ชดใช้ให้แก่ทายาทของผู้ตายไปหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 426 บัญญัติว่า นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น ดังนั้น โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างและได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกจึงชอบที่จะได้รับชดใช้จากลูกจ้างเฉพาะค่าสินไหมทดแทนที่ได้ใช้ให้แก่บุคคลภายนอกไปเท่านั้น สำหรับค่าฤชาธรรมเนียมจำนวน 58,735.89 บาท ที่โจทก์ชดใช้ให้แก่ทายาทของผู้ตายเป็นความรับผิดตามคำพิพากษาอันเกิดจากการดำเนินคดีระหว่างโจทก์กับทายาทของผู้ตายและโจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดี ค่าฤชาธรรมเนียมจึงไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนอันเป็นผลโดยตรงจากการกระทำละเมิดของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิไล่เบี้ยให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมจำนวนดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share