คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้พนักงานเดินหมายปิดคำบังคับไว้ที่ภูมิลำเนาของจำเลยตามทะเบียนราษฎร์เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2540 คำบังคับดังกล่าวมีผลใช้ได้ในวันที่ 7 มีนาคม 2540 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคสองจำเลยจึงอาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในกำหนดเวลา 15 วันนับแต่วันที่การส่งคำบังคับมีผล ซึ่งครบกำหนดวันที่21 มีนาคม 2540 ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยอ้างว่าจำเลยเพิ่งทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องวันที่ 23 กรกฎาคม 2540 กรณีถือได้ว่าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดเวลา 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้พฤติการณ์ดังกล่าวนี้ย่อมสิ้นสุดลงเมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้องดังนี้ จำเลยจึงชอบที่จะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดเวลา15 วัน นับแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2540 ซึ่งเป็นวันที่พฤติการณ์ดังกล่าวนั้นสิ้นสุดลงเป็นต้นไป แต่เมื่อจำเลยมิได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว คือภายในวันที่7 สิงหาคม 2540 ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคหนึ่งจำเลยจึงสิ้นสิทธิที่จะขอให้พิจารณาใหม่ ที่จำเลยฎีกาว่า เครื่องถ่ายเอกสารของศาลเสียทำให้ไม่มีเอกสารใช้ประกอบคำขอให้พิจารณาใหม่ เป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นั้น เมื่อจำเลยสิ้นสิทธิที่จะขอพิจารณาใหม่ไปแล้วข้ออ้างของจำเลยดังกล่าวซึ่งไม่ปรากฏในคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย จึงไม่ถือว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือบังคับได้อีก

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงิน1,302,054.56 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปีของต้นเงิน 1,000,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,021,369.64 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 1,000,000 บาทนับแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2537 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระถ้าได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนครบ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า แม้เหตุที่จำเลยอ้างในคำร้องอาจเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ แต่เมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้องวันที่ 23 กรกฎาคม 2540 พฤติการณ์ดังกล่าวจึงสิ้นสุดลงในวันที่จำเลยทราบว่าถูกต้อง จำเลยจึงต้องยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน15 วัน นับแต่วันดังกล่าว คำร้องขอของจำเลยนี้จึงยื่นเลยกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้ว ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า พนักงานเดินหมายปิดคำบังคับไว้ที่ภูมิลำเนาของจำเลยตามทะเบียนราษฎรเมื่อวันที่19 กุมภาพันธ์ 2540 ซึ่งคำบังคับดังกล่าวมีผลใช้ได้ในวันที่7 มีนาคม 2540 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคสองจำเลยจึงอาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในกำหนดเวลา 15 วันนับแต่วันที่การส่งคำบังคับมีผล ซึ่งครบกำหนดวันที่ 21 มีนาคม 2540แต่เมื่อจำเลยอ้างว่าจำเลยเพิ่งทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องวันที่23 กรกฎาคม 2540 กรณีถือได้ว่าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดเวลา 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับ โดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ แต่พฤติการณ์ดังกล่าวนี้ย่อมสิ้นสุดลงเมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้อง จำเลยจึงชอบที่จะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดเวลา 15 วัน นับแต่วันที่23 กรกฎาคม 2540 ซึ่งเป็นวันที่พฤติการณ์ดังกล่าวนั้นสิ้นสุดลงเป็นต้นไป แต่จำเลยก็มิได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว คือภายในวันที่ 7 สิงหาคม 2540 ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคหนึ่งจำเลยจึงสิ้นสิทธิที่จะขอให้พิจารณาใหม่ที่จำเลยฎีกาว่าเครื่องถ่ายเอกสารของศาลเสียทำให้ไม่มีเอกสารใช้ประกอบคำขอให้พิจารณาใหม่ เป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นั้น เห็นว่าเมื่อจำเลยสิ้นสิทธิที่จะขอพิจารณาใหม่ไปแล้ว ข้ออ้างของจำเลยดังกล่าวซึ่งไม่ปรากฏในคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย จึงไม่ถือว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือบังคับได้อีก
พิพากษายืน

Share