แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่มีป้ายปิดไว้ ณ ที่พิพาทว่าเป็นทางส่วนตัว จะมีผลเป็นเพียงการสงวนไว้ซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมิให้ต้องตกไปเป็นทางสาธารณะอันจะกลายเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินเท่านั้น มิใช่มีผลเลยไปถึงว่า ที่พิพาทจะปลอดจากภาระติดพันใดๆ ทั้งสิ้น โจทก์และบริวารได้ใช้ที่พิพาทเป็นทางสัญจรเข้าออกมาสู่ถนนสาธารณะเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว โดยที่เจ้าของเดิมมิได้ห้ามปรามหรือขัดขวางแต่ประการใด ทั้งตามพฤติการณ์ไม่อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องโจทก์และบริวารใช้เส้นทางพิพาทโดยการถือวิสาสะ โจทก์ย่อมได้สิทธิในทางภาระจำยอมโดยอายุความแล้วจำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนต่อมาจึงมีความผูกพันที่จะต้องงดเว้นจากการกระทำใดๆ อันเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 2189ร่วมกับนางสาวเดือนเพ็ญและนางสาววันเพ็ญ ส่วนโจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลเสริมมิตรซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินบางส่วนของโฉนดดังกล่าวโดยเช่าจากโจทก์ที่ 1 ใช้ดำเนินกิจการโรงเรียน โจทก์ทั้งสองได้ใช้ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 2191 ซึ่งลักษณะเป็นถนนทางเข้าออกเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้วทางพิพาทจึงตกเป็นภารจำยอม จำเลยที่ 1 ได้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 2191 โดยรู้ว่าที่ดินดังกล่าวตกเป็นทางภารจำยอม ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2524 จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันทำประตูเหล็กกั้นระหว่างทางพิพาทกับถนนสุรวงศ์ทำให้โจทก์ทั้งสองและบุคคลอื่นได้รับความเดือดร้อน ขอให้พิพากษาที่ดินโฉนดเลขที่ 2191 ตกเป็นทางภารจำยอมและให้จำเลยจดทะเบียนภารจำยอมให้โจทก์ กับให้จำเลยรื้อถอนประตูเหล็กที่ปิดกั้นออก ห้ามขัดขวางในการที่โจทก์ทั้งสองและบริวารใช้ทางดังกล่าว
จำเลยที่ 1 ที่ 3 ให้การว่า จำเลยได้ซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าของเดิมไม่เคยยินยอมให้โจทก์หรือบุคคลอื่นใช้ทางพิพาท และได้กั้นรั้วทำประตูปิดเปิดเพื่อแสดงการสงวนสิทธิของตน ทางพิพาทไม่เป็นภารจำยอม ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2191 เจ้าของเดิมใช้เป็นทางเข้าออกของตนเอง และได้กั้นรั้วมีประตูปิดเปิดเพื่อเป็นการแสดงสงวนสิทธิของตน ทางพิพาทไม่เป็นภารจำยอมขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2191 ตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 2189 ให้จำเลยทั้งสามรื้อถอนประตูเหล็กที่ปิดกั้นทางภารจำยอมและห้ามจำเลยขัดขวางการที่โจทก์และบริวารจะใช้เส้นทางภารจำยอมดังกล่าว คำขออื่นของโจทก์ที่ 1 และฟ้องของโจทก์ที่ 2 ให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์และบริวารได้ใช้ที่พิพาทเป็นทางสัญจรเข้าออกมาสู่ถนนสาธารณะเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วโดยที่เจ้าของเดิมมิได้ห้ามปรามหรือขัดขวางแต่ประการใด ทั้งตามพฤติการณ์ไม่อาจถือได้ว่าโจทก์และบริวารใช้เส้นทางพิพาทโดยการถือวิสาสะ แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ย่อมได้สิทธิในทางภารจำยอมโดยอายุความแล้วจำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนต่อมาจึงมีความผูกพันที่จะต้องงดเว้นจากการกระทำใด ๆอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ และแม้ที่พิพาทจะมีป้ายปิดไว้ว่าเป็นทางส่วนตัวผลดังกล่าวก็เป็นเพียงการสงวนไว้ซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทมิให้ต้องตกไปเป็นทางสาธารณะอันจะกลายเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินเท่านั้น มิใช่มีผลเลยไปถึงว่าที่แปลงนี้ปลอดจากภาระติดพันใด ๆ ทั้งสิ้น
พิพากษายืน