คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 441/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

พยานโจทก์ทั้งสองมิได้เห็นจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับเพราะจุดที่พยานทั้งสองซุ่มอยู่นั้นห่างจากที่เกิดเหตุมาก ดังนั้น ที่พยานเบิกความว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับนั้นจึงเป็นเพียงพยานบอกเล่า โดยได้รับการบอกเล่าจากสายลับซึ่งสายลับก็มิได้มาเบิกความในศาล ลำพังแต่เพียงคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยนั้นจึงยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะฟังลงโทษในข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 จำคุก 1 ปี และปรับ 12,000 บาท คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 เดือน และปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้ 2 ปี คุมความประพฤติ 1 ปี โดยไปรายงานตัวมีกำหนด 4 ครั้ง ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ 12 ชั่งโมง ห้ามเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 (ที่ถูก มาตรา 56) ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก 4 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุก 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 5 ปี 4 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้และยึดเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด กับธนบัตร 120 บาท เป็นของกลาง ปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่โจทก์มีสิบตำรวจตรีอติคุณ เบิกความว่า แผนการจับกุมได้มีการแบ่งกำลังเจ้าพนักงานตำรวจออกเป็น 2 ชุด พยานอยู่ในชุดแรกเป็นผู้มีหน้าที่ปล่อยสายลับโดยพยานไปซุ่มอยู่ที่ริมคลองห่างจากบ้านของจำเลยประมาณ 100 เมตร ส่วนอีกชุดหนึ่งทำหน้าที่สนับสนุนการจับกุมและตรวจค้นรออยู่ที่ปากทางเข้าบ้านจำเลย ห่างจากบ้านจำเลยประมาณ 200 เมตร พยานไม่ได้ติดตามสายลับไปเพียงแต่ซุ่มดูอยู่ห่างบ้านจำเลยมองไม่เห็นกัน สายลับหายเข้าไปบ้านจำเลยประมาณ 5 นาที ก็นำเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด มามอบให้พยานแจ้งว่าซื้อจากจำเลยในราคา 120 บาท พยานจึงแจ้งทางวิทยุสื่อสารให้กำลังเจ้าพนักงานตำรวจอีกชุดหนึ่งเข้าจับกุมจำเลย ส่วนจ่าสิบตำรวจพิชัย เบิกความว่า พยานประจำอยู่ที่จุดห่างบ้านจำเลยประมาณ 200 เมตร เมื่อได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารจากสิบตำรวจตรีอติคุณว่าสายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนได้แล้ว พยานก็เข้าจับกุมจำเลย เห็นว่า พยานโจทก์ทั้งสองปากมิได้เห็นจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ เพราะจุดที่พยานทั้งสองซุ่มอยู่นั้นห่างจากที่เกิดเหตุมากดังนั้น ที่พยานเบิกความว่า จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับนั้นจึงเป็นเพียงพยานบอกเล่า โดยได้รับการบอกเล่าจากสายลับซึ่งสายลับก็มิได้มาเบิกความในศาลลำพังแต่เพียงคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยนั้นจึงยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยในข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน
ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ ปรากฏจากฎีกาของจำเลยว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นชอบด้วยเหตุผลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายทุกประการ ขอให้ศาลฎีกากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 โดยพิพากษากลับให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นการยอมรับในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองจำนวน 1 เม็ด ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพียง 1 เม็ด เนื่องจากน้ำหนักไม่เข้าข้อสันนิษฐานตามกฎหมายว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ประกอบกับพยานหลักฐานที่ได้เบิกความไปแล้วก็ไม่มีหลักฐานแสดงยืนยันว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเท่านั้นฎีกาจำเลยฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share