แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ส.อายุ 19 ปี ยังอยู่ในความปกครองของจำเลยและอยู่ร่วมบ้านเดียวกับจำเลยผู้เป็นบิดา ผู้ตายมีโจทก์เป็นภริยาอยู่แล้วมารักใคร่ชอบพอถึงขั้นได้เสียกับ ส.จนส.ตั้งครรภ์ต้องไปทำแท้ง ต่อมามีเรื่องทะเลาะวิวาทระหว่างโจทก์กับ ส.จนจำเลยห้ามผู้ตายไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับส.อีกแต่ผู้ตายไม่เชื่อฟังกลับลักลอบมาหลับนอนกับส.ขณะที่จำเลยไม่อยู่บ้าน เป็นการกระทำที่หยามเหยียดปราศจากความยำเกรงจำเลยผู้เป็นบิดาผู้ใช้อำนาจปกครอง การที่ในคืนเกิดเหตุผู้ตายได้ขึ้นไปหลับนอนกับ ส.บนบ้านจำเลย ย่อมเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ที่จำเลยยิงผู้ตายไปในขณะนั้นย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดเพราะบันดาลโทสะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของนายจำแลง ฉินทสงเคราะห์จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงนายจำแลงโดยเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้นายจำแลงถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า จำเลบยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ลงโทษจำคุก 15 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในขณะที่ผู้ตายอยู่ในห้องนอนของนางสาวสมจิตรบุตรจำเลย แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ขณะเกิดเหตุนางสาวสมจิตรมีอายุได้ 19 ปี ยังอยู่ในความปกครองของจำเลย และอยู่ร่วมบ้านเดียวกับจำเลยผู้เป็นบิดา ผู้ตายมีโจทก์เป็นภริยาอยู่แล้วมารักใคร่ชอบพอจนถึงขั้นได้เสียกับนางสาวสมจิตรจนนางสาวสมจิตรตั้งครรภ์ต้องไปทำแท้ง และต่อมาก็มีเรื่องทะเลาะวิวาทระหว่างโจทก์กับนางสาวสมจิตรจนจำเลยต้องห้ามผู้ตายไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับนางสาวสมจิตรอีกแต่ผู้ตายก็ไม่เชื่อฟังกลับลักลอบมาหลับนอนกับนางสาวสมจิตรขณะที่จำเลยไม่อยู่บ้านเป็นการกระทำที่หยามเหยียดปราศจากความยำเกรงจำเลยผู้เป็นบิดาผู้ใช้อำนาจปกครองการที่ในคืนเกิดเหตุผู้ตายได้ขึ้นไปหลับนอนกับนางสาวสมจิตรบนบ้านจำเลย ย่อมเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ที่จำเลยยิงผู้ตายไปในขณะนั้นย่อมถือได้ว่า จำเลยกระทำผิดเพราะบันดาลโทสะควรลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ประกอบด้วยมาตรา 72 ลงโทษจำคุก 5 ปี