คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่จำเลยควบคุมเรือยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ชนสะพานและท่าเทียบเรือของโจทก์ การที่โจทก์ไม่จุดไฟขาวไว้ที่สะพานและท่าเทียบเรือตามที่ใบอนุญาตของกรมเจ้าท่าบังคับไว้ นับว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือฯ เพราะหากโจทก์จุดไฟขาวไว้ให้ผู้เดินเรือในเวลากลางคืนเห็นได้ ก็จะเป็นทางป้องกันมิให้เรือแล่นมาชนสะพาน และท่าเทียบเรือซึ่งล่วงล้ำร่องน้ำอยู่ 3 เมตรนั้นได้ จึงถือว่าโจทก์มีส่วนผิดอยู่ด้วย ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้เพียง 3 ใน 4 ของค่าเสียหายทั้งหมดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 และ 223.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนายท้ายเรือยนต์ชื่ออ่าวสยาม ๒ และเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จำเลยที่ ๑ ได้ควบคุมเรือยนต์ดังกล่าวโดยประมาทชนท่าเทียบเรือและสะพานคอนกรีตของโจทก์ชำรุดเสียหาย จึงขอให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย ๑๒๗,๗๓๒ บาท แก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธความรับผิดและต่อสู้ว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิด เพราะมิได้จุดโคมไฟสีขาวไว้ที่ท่าและสะพานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติเดินเรือในน่านน้ำสยาม ฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ และ ๓ ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ๑๐๐,๐๐๐ บาท คดีได้ความว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ ๒ จึงให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๑ และ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ และ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น แต่เห็นว่าการที่โจทก์ไม่จุดไฟขาวที่สะพานและท่าเทียบเรือตามที่ใบอนุญาตของกรมเจ้าท่าบังคับไว้ นับว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือ หากโจทก์จุดไฟขาวไว้ให้ผู้เดินเรือในเวลากลางคืนเห็นได้ ก็ย่อมจะเป็นทางป้องกันมิให้เรือแล่นเข้ามาชนสะพานและท่าเทียบเรือซึ่งล่วงล้ำร่องน้ำอยู่ ๓ เมตรนั้นได้ จึงนับได้ว่าฝ่ายโจทก์มีส่วนก่อให้เกิดการชนสะพานและท่าเทียบเรืออยู่ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๒ และ ๒๒๓ จึงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เพียง ๓ ใน ๔ เป็นเงิน ๗๕,๐๐๐ บาท
พิพากษาแก้เฉพาะค่าเสียหาย.

Share