คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเช่าอาคารนั้นตามปรกติวิสัย ก็ย่อมเป็นการเช่าอาคารนั้น เป็นการเช่ากันเฉพาะส่วนภายในของอาคาร เว้นแต่มีข้อสัญญาระบุไว้เป็นพิเศษ ฉะนั้นผู้ให้เช่าจึงไม่มีอำนาจที่จะเอาหลังคาตึกเช่านั้นไปให้ผู้อื่นเช่าติดป้ายโฆษณาอีก และถ้าขืนกระทำไป ผู้เช่าย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายและให้รื้อป้ายโฆษณานั้นไปเสียได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าตึกหมายเลข ๘๖๙ ข. ๘๖๙ ข. จากนายลิขิต สารสนอง จำเลยที่ ๔ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้ให้จำเลยที่ ๒-๓ กับพวกไปทำการเจาะตัวตึกชั้นบนรอบหลังคาตึก แล้วติดตั้งป้ายโฆษณาโจทก์ห้ามปรามก็ไม่ฟัง การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้น้ำฝนไหลและซึมเข้าไปในห้องเป็นเหตุให้ทรัพย์สมบัติของโจทก์เสียหาย โจทก์จึงมาฟ้องเรียกค่าเสียหายกับให้จำเลยรื้อถอนป้ายโฆษณาและทำตัวตึดให้คืนสภาพเดิมในความควบคุมของโจทก์ โดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย
จำเลยปฏิเสธความรับผิด จำเลยที่ ๒ อ้างด้วยว่า ได้เช่าจากนายลิขิต เข้าของตึกทำการติดป้าย
โจทก์ยื่นคำร้องเรียกนายลิขิตเข้ามาเป็จำเลย ศาลอนุญาตและเรียกเข้ามา แล้วพิจารณาวินิจฉัยว่าการเช่าตึกย่อมรวมบริเวณภายนอกและบนหลังคาตึกอีกด้วย จำเลยที่ ๔ จึงไม่มีอำนาจเอาหลังคาตึกไปให้จำเลยที่ ๒ เช่า จำเลยที่ ๒ กับจำเลยที่ ๔ จึงต้องรับผิดแก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ ๑ – ๓ ให้ยกฟ้อง
จำเลยทั้ง ๔ ผู้เดียวอุทธรณ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๔ ผู้เดียวฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามปรกติวิสัยนั้น การเช่าอาคาร ก็ย่อมเป็นการเช่าอาคารนั้นทั้งหลัง มิใช่ว่าการเช่าอาคารนั้นเป็นการเช่ากันเฉพาะส่วนภายในของอาคาร เมื่อไม่มีข้อสัญญาไว้โดยเฉพาะแล้ว ก็ต้องฟังอย่างทั่วๆ ไปฎีกาจำเลยที่ ๔ ฟังไม่ขึ้น จึง พิพากษายยืน

Share