คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือรับสภาพหนี้เป็นหนังสือที่ลูกหนี้ยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องต่อเจ้าหนี้ มีผลแต่เพียงทำให้อายุความสะดุดหยุดลงแล้วเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ตามอายุความแห่งมูลหนี้ที่ลูกหนี้รับสภาพต่อเจ้าหนี้ ตั้งแต่เวลาเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้นสุดสิ้นไป
จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ค่าซื้อสินค้าเงินเชื่อให้โจทก์ไว้เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2511 สัญญาว่าจะนำเงินที่เป็นหนี้มาชำระให้โจทก์เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2511 ถึงกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระให้ โจทก์มาฟ้องคดีเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2514 นับแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2511 เกินสองปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกค้าซื้อสินค้าต่าง ๆ ไปจากโจทก์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2511 คิดบัญชีกัน จำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อสินค้าและดอกเบี้ยค้างชำระโจทก์อยู่เป็นเงิน 156,627 บาท 30 สตางค์จำเลยจึงทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้ ตกลงจะนำหนี้ที่ค้างจำนวนดังกล่าวมาชำระให้โจทก์เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2511ถ้าไม่ชำระยอมให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จากจำนวนเงินที่ค้างถึงกำหนดแล้วจำเลยผิดนัดไม่ชำระ โจทก์ทวงถาม จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินรวม 217,314.30 บาท และดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงิน 156,627.30 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์

จำเลยให้การว่า ไม่เคยซื้อสินค้า ไม่เคยเป็นหนี้ และไม่เคยทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ให้โจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และคดีขาดอายุความ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้รับผิด

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยยังไม่ชำระหนี้เงินตามฟ้องให้โจทก์ แต่โจทก์มาฟ้องเกินกำหนดสองปี คดีของโจทก์จึงขาดอายุความพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ซื้อปุ๋ยและสินค้าต่าง ๆ ไปจากโจทก์ เมื่อคิดบัญชีกันแล้ว จำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อสินค้านั้นอยู่เป็นเงิน 156,627.30 บาท ในวันที่ 26 ตุลาคม 2511 จำเลยจึงทำหนังสือรับสภาพหนี้เงินจำนวนนี้ ว่าจะชำระให้โจทก์ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2511 ถึงกำหนดแล้ว จำเลยไม่ชำระ โจทก์ทวงถามก็เพิกเฉย โจทก์จึงฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2514

ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้ฟ้องจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลย มิได้ฟ้องเรียกหนี้สินตามสัญญาซื้อขายสินค้าเชื่อ ต้องถือว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ และต้องนับอายุความทั่วไปคือ 10 ปีนั้น เห็นว่า หนังสือรับสภาพหนี้เป็นหนังสือที่ลูกหนี้ยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องต่อเจ้าหนี้ มีผลแต่เพียงทำให้อายุความสะดุดหยุดลงแล้วเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ตามอายุความแห่งมูลหนี้ที่ลูกหนี้รับสภาพต่อเจ้าหนี้ตั้งแต่เวลาเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้นสุดสิ้นไปเท่านั้น หาได้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ และต้องนับอายุความทั่วไปสิบปีดังฎีกาโจทก์ไม่ เมื่อมูลหนี้ในคดีนี้เป็นเรื่องซื้อสินค้าเชื่ออันมีอายุความบังคับตามสิทธิเรียกร้องมีกำหนดสองปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2511 สัญญาว่าจะนำเงินที่เป็นหนี้มาชำระให้โจทก์เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2511 ถึงกำหนดแล้วจำเลยผิดนัดเพิกเฉยไม่ชำระให้ โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2511 นับแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2511 เกินสองปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

พิพากษายืน

Share