คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2906/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อตามพฤติการณ์ของจำเลยแสดงว่าจำเลยมีเจตนามาแต่แรกที่จะใช้อำนาจในตำแหน่งเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจจับกุมผู้กระทำความผิด ข่มขืนใจให้โจทก์ร่วมมอบเงินให้แก่จำเลย โดยขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินก็จะจับกุม มิใช่ว่าจำเลยจับกุมโจทก์ร่วมโดยชอบด้วยอำนาจในตำแหน่ง แล้วเรียกเอาเงินเพื่อไม่ให้นำตัวโจทก์ร่วมไปส่งให้พนักงานสอบสวนตามหน้าที่เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 148 หาใช่ความผิดตามมาตรา 149 ไม่
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 148 อันเป็นบทเฉพาะแล้ว ย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอำนาจหน้าที่ป้องกันปราบปรามและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย ได้ร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบข่มขืนใจผู้เสียหายทั้งห้าว่าทำการประมงจับปลาชายฝั่งอันเป็นเขตหวงห้ามด้วยอวนรุนอันเป็นความผิดจะต้องจับกุม ถ้าไม่ให้จำเลยจับกุมก็ต้องมอบเงินให้จำเลย 100 บาทต่อเรือจับปลา 1 ลำ ซึ่งความจริงผู้เสียหายไม่ได้กระทำผิดกฎหมายดังกล่าวแต่อย่างใด แต่เพราะกลัวถูกจับจึงได้มอบเงินให้จำเลยไปตามที่จำเลยเรียกร้อง อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 157

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ผู้เสียหายทั้งห้าเข้าเป็นโจทก์ร่วม

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148, 157, 83 ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 148 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกจำเลยคนละ 6 ปี

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานตำรวจในเขตท้องที่ห้ามใช้อวนรุนจับสัตว์น้ำ คืนเกิดเหตุได้ไปพบโจทก์ร่วมทั้งห้าซึ่งเป็นเจ้าของเรือประมงใช้อวนรุนรวม 6 ลำที่จอดอยู่ชายฝั่งทะเลที่เกิดเหตุจึงพูดกับโจทก์ร่วมว่า คืนนี้จะมาจับเรืออวนรุนในเขตหวงห้าม โจทก์ร่วมขอร้องไม่ให้จับกุม จำเลยว่าถ้าไม่ให้จับก็ให้เอาเงินมา โจทก์ร่วมจึงต่างรวบรวมเงินมอบให้จำเลยทั้งสองรับไปจำนวน 600 บาท แล้วจำเลยได้ทำบันทึกข้อความว่า ได้ตรวจพบและสงสัยว่ามีการกระทำผิดพระราชบัญญัติการประมง จับสัตว์น้ำในเขตหวงห้ามอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของกระทรวงเกษตร จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนและห้ามมิให้โจทก์ร่วมกระทำผิดอีก

วินิจฉัยว่า ตามพฤติการณ์ของจำเลยแสดงว่าจำเลยมีเจตนามาแต่แรกที่จะใช้อำนาจในตำแหน่งเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจจับกุมผู้กระทำความผิดข่มขืนใจให้โจทก์ร่วมมอบเงินให้แก่จำเลยโดยขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินก็จะจับกุมฐานจับปลาโดยใช้อวนรุน มิใช่ว่าจำเลยจับกุมโจทก์ร่วมโดยชอบด้วยอำนาจในตำแหน่ง แล้วเรียกเอาเงินเพื่อไม่ให้นำตัวโจทก์ร่วมไปส่งให้พนักงานสอบสวนตามหน้าที่ ที่จำเลยกล่าวแก่โจทก์ร่วมว่าจะมาจับเรือที่ใช้อวนรุนในเขตหวงห้ามนั้น จึงเป็นแต่เพียงแกล้งกล่าวหาขึ้นเพื่อจะเรียกเอาเงินเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 148 ตามฟ้อง เพียงแต่ว่าเมื่อเป็นความผิดตามมาตรา 148 อันเป็นบทเฉพาะแล้วจำเลยย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก การกระทำของจำเลยหาใช่ความผิดตามมาตรา 149 ดังที่จำเลยฎีกาไม่

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 6 ปี

Share